นายเมอร์ริก การ์แลนด์ อัยการสูงสุดของสหรัฐระบุเมื่อวานนี้ (19 ต.ค.) ว่า กระทรวงยุติธรรมได้รับรายงานเกี่ยวกับภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้นต่อชุมชนและสถาบันต่าง ๆ ของชาวยิว, ชาวมุสลิม และชาวอาหรับที่อยู่ในสหรัฐ ท่ามกลางความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาส
ในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่เมืองแจ็กสันวิลล์ รัฐฟลอริดา นายการ์แลนด์กล่าวว่า "เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผมได้สั่งให้สำนักงานอัยการในสหรัฐทั้งหมด 94 แห่ง และสำนักงานสืบสวนกลาง (FBI) ให้ติดต่อประสานงานกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลกลาง, ระดับรัฐ และระดับท้องถิ่นในเขตต่าง ๆ อย่างใกล้ชิด"
นายการ์แลนด์กล่าวเสริมว่า "กระทรวงยุติธรรมยังคงระมัดระวังในความพยายามของเราที่จะบ่งชี้และรับมือกับอาชญากรรมที่เกิดจากความเกลียดชัง, การข่มขู่ที่จะใช้ความรุนแรง หรือเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยให้ความสนใจเป็นพิเศษต่อภัยคุกคามต่อชุมชนทางศาสนา ซึ่งทางกระทรวงยุติธรรมยังคงมุ่งเน้นไปที่การทำทุกสิ่งที่เราสามารถทำได้ เพื่อปกป้องชาวอเมริกันให้ปลอดภัยจากการคุกคามของกลุ่มก่อการร้าย"
ขณะนี้ทั่วทั้งสหรัฐเผชิญกับการประท้วงและความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้น หลังจากที่กลุ่มฮามาสได้โจมตีอิสราเอลเมื่อวันที่ 7 ต.ค. และการที่อิสราเอลทำการโจมตีตอบโต้ใส่ฉนวนกาซาที่กลุ่มฮามาสควบคุม ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้สหรัฐต้องคุมเข้มด้านความปลอดภัยในเมืองต่าง ๆ มากขึ้น
ศูนย์กำกับดูแลเกี่ยวกับกลุ่มหัวรุนแรง (Center on Extremism - COE) ขององค์กร Anti-Defamation League (ADL) เปิดเผยว่า มีการประท้วงอย่างน้อย 140 ครั้งทั่วสหรัฐภายในหนึ่งสัปดาห์หลังจากที่เกิดความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ฮามาส โดยมีผู้ประท้วงบางรายสนับสนุนการใช้ความรุนแรงและการโจมตีพลเรือน อีกทั้งยังมีภัยคุกคามทางออนไลน์ต่อชาวยิวเพิ่มขึ้นถึง 400%