ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ผู้นำจีน กล่าวกับประธานาธิบดีหวอ วัน เถือง ของเวียดนาม ในวันนี้ (20 ต.ค.) ว่า ทั้งสองประเทศต้องไม่ลืมความตั้งใจดั้งเดิมของมิตรภาพระหว่างกันและกัน
จีนและสหรัฐต่างแย่งชิงอิทธิพลระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงเวียดนาม ซึ่งเมื่อเดือนก.ย. เวียดนามได้ยกระดับความสัมพันธ์ทางการทูตกับสหรัฐขึ้นสู่ระดับสูงสุด โดยให้เป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์แบบรอบด้าน ส่งผลให้สหรัฐมีระดับความสัมพันธ์ทางการทูตในระดับเทียบเท่ากับจีนและรัสเซีย
ขณะเดียวกัน จีนมีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นกับเวียดนามมาโดยตลอด นับตั้งแต่สถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตกับเวียดนามในปี 2493 แม้จะมีสงครามช่วงสั้น ๆ ในปี 2522 โดยจีนได้ให้การสนับสนุนเวียดนามในการสู้รบกับฝรั่งเศส รวมถึงสู้รบกับสหรัฐในช่วงสงครามเวียดนาม
"เมื่อเผชิญกับสถานการณ์ระหว่างประเทศที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาและการพัฒนาภายในประเทศที่ท้าทาย ทั้งสองประเทศต้องไม่ลืมความตั้งใจเดิมของมิตรภาพที่ยาวนาน" ปธน.สีกล่าวกับปธน.เถือง
รายงานระบุว่า ปธน.เถือง ผู้นำสูงสุดอันดับ 2 ของเวียดนามต่อจากนายเหงียน ฟู้ จ่อง เลขาธิการทั่วไปพรรคคอมมิวนิสต์ ได้พูดคุยกับปธน.สี ภายหลังจากเข้าร่วมการประชุมสุดยอดแผนริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI) ในกรุงปักกิ่ง
เมื่อช่วงต้นเดือนต.ค. สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างอิงแหล่งข่าวว่า ทางการเวียดนามและจีนกำลังจัดเตรียมแผนการเดินทางเยือนเวียดนามของปธน.สี ในช่วงปลายเดือนต.ค. หรือต้นเดือนพ.ย.
ปธน.สีกล่าวว่า "ทั้งสองฝ่ายควรปฏิบัติตามหลักการของการปรึกษาหารือร่วมกัน" และเสริมว่า จีนและเวียดนามควรใช้ประโยชน์จากความใกล้ชิดทางภูมิศาสตร์และความเกื้อกูลทางอุตสาหกรรม
ทั้งนี้ สื่อของรัฐบาลจีนไม่ได้ถึงการเดินทางเยือนใด ๆ ของปธน.สี