อิสราเอลออกปฏิบัติการโจมตีทางอากาศต่อพื้นที่ทางตอนใต้ของฉนวนกาซาในช่วงเช้าวันนี้ (22 ต.ค.) พร้อมประกาศเพิ่มการโจมตีพื้นที่ทางตอนเหนือของฉนวนกาซา ขณะที่ สหรัฐสัญญาว่าจะส่งความช่วยเหลือให้ชาวปาเลสไตน์มากขึ้น โดยขณะนี้ชาวปาเลสไตน์กำลังประสบปัญหาขาดแคลนอาหาร น้ำ ยา และเชื้อเพลิง
ทั้งนี้ สื่อมวลชนของปาเลสไตน์รายงานว่า ชาวปาเลสไตน์อย่างน้อย 11 คนเสียชีวิตในเหตุอิสราเอลปฏิบัติการโจมตีทางอากาศที่เมืองข่านยูนิส ซึ่งเป็นเมืองทางตอนใต้ของฉนวนกาซา ขณะเดียวกัน สื่อมวลชนของปาเลสไตน์รายงานว่า อิสราเอลได้โจมตีเมืองราฟาห์ ซึ่งเป็นเมืองทางตอนใต้ของฉนวนกาซา
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เหตุโจมตีดังกล่าวมีขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังพลเรือตรีแดเนียล ฮาการี โฆษกกองทัพอิสราเอลเรียกร้องให้ประชาชนในฉนวนกาซาอพยพลงไปทางตอนใต้เพื่อความปลอดภัย
"เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเอง จงอพยพลงไปทางตอนใต้ เราจะเดินหน้าโจมตีพื้นที่ดังกล่าวของเมืองกาซาและเพิ่มการโจมตี" พลเรือตรีฮาการีกล่าวเมื่อวันเสาร์ที่ 21 ต.ค. รายงานระบุว่า ขบวนรถบรรทุกความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมชุดแรกเดินทางข้ามจุดผ่านแดนราฟาห์ระหว่างกาซาและอียิปต์เข้าสู่ฉนวนกาซาแล้วเมื่อวานนี้ โดยองค์การสหประชาชาติ (UN) ระบุว่า สภากาชาดปาเลสไตน์จะเป็นผู้รับมอบสิ่งของช่วยเหลือจากขบวนรถบรรทุกจำนวน 20 คัน ซึ่งรวมถึงอุปกรณ์กู้ภัย
แต่สำนักงานเพื่อการประสานงานด้านมนุษยธรรมแห่งสหประชาชาติ (OCHA) ระบุว่า ปริมาณสินค้าที่เข้าสู่ฉนวนกาซาเมื่อวันเสาร์คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 4% ของค่าเฉลี่ยรายวันที่นำเข้าสู่ฉนวนกาซาก่อนเกิดเหตุโจมตีและคิดเป็นเพียงสัดส่วนเล็กน้อยของความต้องการ หลังเกิดเหตุปิดล้อมฉนวนกาซา 13 วัน โดยฉนวนกาซามีประชากรอาศัยอยู่ 2.3 ล้านราย
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐแสดงความพึงพอใจต่อการส่งความช่วยเหลือครั้งนี้ หลังต้องมีการเจรจาอย่างเข้มข้นหลายวัน พร้อมระบุว่า สหรัฐสัญญาว่าจะจัดส่งความช่วยเหลือเข้าสู่ฉนวนกาซาเพิ่มมากขึ้นโดยใช้เส้นทางพรมแดนเมืองราฟาห์
อิสราเอลเริ่มปิดล้อมฉนวนกาซาอย่างเต็มรูปแบบหลังกลุ่มติดอาวุธฮามาสชาวปาเลสไตน์โจมตีพื้นที่ทางภาคใต้ของอิสราเอลในวันที่ 7 ต.ค. ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิต 1,400 ราย โดยส่วนใหญ่เป็นพลเมืองทั่วไป
ด้านกระทรวงสาธารณสุขของกาซาระบุเมื่อวันเสาร์ว่า เหตุโจมตีตอบโต้ของอิสราเอลทำให้ชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตอย่างน้อย 4,385 ราย ซึ่งรวมถึงเด็กหลายร้อยรายและประชาชนกว่าหนึ่งล้านคนต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่น