นายยาสุโตชิ นิชิมูระ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นเปิดเผยในวันนี้ (7 ต.ค.) ว่า การคว่ำบาตรของสหรัฐจะส่งผลกระทบต่อโครงการก๊าซธรรมชาติ "อาร์กติก แอลเอ็นจี 2" (Arctic LNG 2) ในรัสเซีย ซึ่งชาวญี่ปุ่นถือหุ้นอยู่รวมทั้งสิ้น 10%
ทั้งนี้ นายนิชิมูระระบุว่า โครงการดังกล่าวมีความสำคัญต่อการรับประกันเสถียรภาพของปริมาณก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) สำหรับญี่ปุ่นที่ขาดแคลนทรัพยากร และรัฐบาลญี่ปุ่นจะตอบสนองอย่างเหมาะสมเพื่อไม่ให้มาตรการคว่ำบาตรดังกล่าวส่งผลกระทบต่อการจัดหาพลังงาน
นายนิชิมูระระบุในการแถลงข่าวว่า "เราเชื่อว่าความเคลื่อนไหวดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจดังกล่าวในระดับหนึ่งอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง อย่างไรก็ตาม เราจะทำงานกับประเทศต่าง ๆ ในกลุ่ม G7 ในการตัดสินใจอย่างรอบคอบและตอบสนองอย่างเหมาะสม เพื่อไม่ให้กระทบต่อเสถียรภาพด้านการจัดหาพลังงานของประเทศของเรา"
เมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว (2 พ.ย.) สหรัฐได้ดำเนินมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ที่ครอบคลุมต่อรัสเซียจากกรณีการทำสงครามกับยูเครน ซึ่งมุ่งเป้าไปที่องค์กรสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนา การดำเนินการ และการเป็นเจ้าของโครงการอาร์กติก แอลเอ็นจี 2 ซึ่งเป็นโครงการขนาดยักษ์ในไซบีเรีย
โครงการดังกล่าวดำเนินการโดยบริษัทโนวาเทก (Novatek) ในขณะที่บริษัทการค้าของญี่ปุ่นอย่างมิตซุยแอนด์โค (Mitsui & Co) และองค์การเพื่อความมั่นคงด้านโลหะและพลังงานของญี่ปุ่น (Japan Organization for Metals and Energy Security) ถือหุ้นรวมกัน 10%
มิตซุยระบุเมื่อวันศุกร์ (3 พ.ย.) ว่า ทางบริษัทจะตรวจสอบผลกระทบจากการคว่ำบาตรที่มีต่อโครงการดังกล่าวและ "ดำเนินมาตรการที่เหมาะสมในการทำงานร่วมกับผู้ถือหุ้นรายอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงรัฐบาลญี่ปุ่น" ทั้งนี้ มิตซุยมีส่วนร่วมกับโครงการอาร์กติก แอลเอ็นจี 2 ทั้งในด้านการลงทุน การกู้ยืม และการค้ำประกัน มูลค่ารวม 2.49 แสนล้านเยน (1.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) จนถึงสิ้นเดือนก.ย.