ทีมกฎหมายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ จะขึ้นว่าความที่ศาลอุทธรณ์ของรัฐนิวยอร์กในวันจันทร์ (13 พ.ย.) ในการพิจารณาคดีฉ้อโกงทางธุรกิจในนิวยอร์กของนายทรัมป์ โดยจะมีการเรียกนายทรัมป์ จูเนียร์ บุตรชายคนโตของนายทรัมป์ กลับขึ้นมาให้การอีกครั้งในฐานะพยานคนแรก ซึ่งผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าจะไม่ส่งผลดีต่อคดี และนายทรัมป์อาจพ่ายแพ้อย่างหมดรูป
นายนีมา ราห์มานี อดีตอัยการรัฐบาลกลางและประธานบริษัทกฎหมายเวสต์ โคสต์ ไทรอัล ลอเยอร์ กล่าวกับสำนักข่าวบีบีซีว่า การขึ้นให้การของสมาชิกครอบครัวของนายทรัมป์ตลอดระยะเวลา 2 สัปดาห์ที่ผ่านมานั้นนับเป็นความพังพินาศ และการกอบกู้คดีกลับคืนมาในตอนนี้จะเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสมาก
"เรื่องที่เกิดขึ้นนับเป็นหายนะทางกฎหมาย" นายราห์มานี กล่าว พร้อมระบุว่าเขาเชื่อว่านายทรัมป์จะแพ้คดี และแพ้อย่างยับเยินที่สุด
นายราห์มานีชี้ว่า สิ่งที่อาจเป็นอันตรายต่อคดีมากที่สุดคือตัวนายทรัมป์เอง เมื่อเขาต้องขึ้นให้การในศาล และเมื่อนายทรัมป์ต้องตอบคำถามของอัยการโดยตรง เขาอาจสร้างความเสียหายให้กับคดีมากยิ่งขึ้นไปอีก
ก่อนหน้านี้นางเลติเทีย เจมส์ อัยการสูงสุดของรัฐนิวยอร์ก ผู้ยื่นฟ้องนายทรัมป์ในคดีนี้ ถูกนายทรัมป์เรียกว่าเป็นพรรคฝักใฝ่การเมืองจนขาดสำนึกทางจริยธรรม และนายทรัมป์ยังได้โจมตีนายอาเธอร์ เอนโกรอน ผู้พิพากษาที่ดูแลคดีดังกล่าว เป็นการส่วนตัวมาแล้ว
นายทรัมป์อาจถูกสั่งให้ควบคุมพฤติกรรมในศาล และห้ามเลี่ยงการตอบคำถาม ซึ่งผู้พิพากษาเอนโกรอนเคยกล่าวไว้ว่า หากนายทรัมป์ไม่ปฏิบัติตามแล้วละก็ เขาดำเนินตัดสินใด ๆ ก็ตามที่เป็นผลเสียต่อนายทรัมป์ในทุกประการเท่าที่สามารถทำได้
ในกรณีที่เลวร้ายที่สุดนั้น อาจมีคำสั่งห้ามมิให้นายทรัมป์และพวกพ้องที่เป็นจำเลยร่วม ดำเนินทำธุรกิจในนิวยอร์ก และอาจลงโทษปรับอย่างน้อย 250 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
ด้านนายมิทเชลล์ เอปเนอร์ ทนายความด้านกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ให้ความเห็นว่า หากนายทรัมป์เป็นบุคคลธรรมดาที่ไม่ได้รับการคุ้มครองจากหน่วยอารักขาประธานาธิบดี (Secret Service) แล้วละก็ เขาคงถูกสั่งจำคุกฐานหมิ่นศาลไปนานแล้ว