องค์การสหประชาชาติ (UN) คาดการณ์ว่า อัตราความยากจนในปาเลสไตน์อาจจะพุ่งสูงถึง 45% หรือคิดเป็นจำนวนประชาชน 660,000 ราย หากความขัดแย้งระหว่างกลุ่มฮามาสและอิสราเอลยังคงดำเนินต่อไปเป็นเดือนที่ 3
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า จากรายงานของ UNDP และองค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) ชี้ว่า สงครามที่เข้าสู่เดือนที่ 3 แล้ว อาจจะทำให้อัตราความยากจนทั้งหมดในเขตเวสท์แบงก์และฉนวนกาซ่า เพิ่มขึ้นแตะระดับ 38.3% จากจำนวนประชากร 26.7% ในขณะที่ปาเลสไตน์มีจำนวนประชากร 5.5 ล้านราย ด้วยสถานการณ์เช่นนี้ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของปาเลสไตน์อาจจะปรับตัวลง 12.2% หรือ 2.5 พันล้านดอลลาร์
รายงานที่มีชื่อว่า สงครามกาซ่า: ผลกระทบทางสังคมและเศรษฐกิจในรัฐปาเลสไตน์ได้ถูกเผยแพร่ในช่วงต้นเดือนพ.ย.หลังจากที่เกิดเหตุโจมตีอิสราเอลโดยกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ต.ค. และเกิดการตอบโต้ในวงกว้างในกาซ่า
สถานการณ์ด้านมนุษยชนในฉนวนกาซ่านั้นย่ำแย่ลง ท่ามกลางปฏิบัติการสู้รบที่ดุเดือดทั้งภาคพื้นดินและทางอากาศโดยอิสราเอล
"รายงานนี้ช่วยเตือนพวกเราถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากสงครามว่า ผลกระทบนี้จะเกิดขึ้นอย่างยาวนานและจะไม่จำกัดวงอยู่แค่ที่กาซ่าเท่านั้น สงครามเร่งอัตราความยากจนให้กับประชากรที่เปราะบางอยู่แล้วจากวิกฤตที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้" อาชิม สไตเนอร์ ผู้บริหารของ UNDP ระบุ