สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ทางการสหรัฐและจีนกำลังดำเนินการเพื่อเพิ่มเที่ยวบินโดยสารระหว่างทั้งสองประเทศมากขึ้น ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งสัญญาณของความคืบหน้าหลังการบรรลุข้อตกลงระหว่างประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐและปธน.สี จิ้นผิงของจีนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่รัฐแคลิฟอร์เนีย
สำนักงานการบินพลเรือนของจีน (CAAC) ระบุผ่านแถลงการณ์ว่า นายซ่ง จื้อหยง ผู้อำนวยการของ CAAC ได้หารือร่วมกับนายนิโคลัส เบิร์นส เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศจีน ณ กรุงปักกิ่งเมื่อวันอังคาร (21 พ.ย.) โดยทั้งคู่ได้พูดคุยกันในเชิงลึกเกี่ยวกับการเพิ่มเที่ยวบิน และการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างภาคการบินพลเรือนของทั้งสองประเทศอย่างรอบด้าน
ทั้งนี้ การพูดคุยกันระหว่างปธน.ไบเดนและปธน.สี นอกรอบการประชุมสุดยอดความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) เมื่อวันที่ 15 พ.ย. ทำให้มีความคืบหน้าในการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทวิภาคีที่ตึงเครียด, การผลักดันให้มีการเปิดช่องทางการสื่อสารทางทหารระดับสูง, การต่อสู้กับเฟนทานิล และการเปิดเจรจาเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) นอกจากนี้ นายหวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของจีนระบุว่า ในการประชุมดังกล่าวยังมีข้อตกลงที่จะเพิ่มเที่ยวบินระหว่างทั้งสองประเทศอย่างมากในต้นปีหน้า
หลังการประชุมดังกล่าวเพียงไม่นาน บริษัทแอร์ ไชน่า จำกัด (Air China Ltd.) ประกาศว่า จะกลับมาให้บริการเที่ยวบินไปยังกรุงวอชิงตันอีกครั้ง และเพิ่มเที่ยวบินไปยังลอสแอนเจลิสตั้งแต่เดือนนี้เป็นต้นไปอีกด้วย
ทั้งนี้ เที่ยวบินระหว่างสหรัฐและจีนฟื้นตัวขึ้นอย่างช้า ๆ หลังจากมาตรการควบคุมโรคโควิด-19 ทั่วโลกได้ถูกยกเลิก โดยก่อนที่โรคโควิด-19 ได้ทำให้ทั้งโลกต้องเข้าสู่มาตรการล็อกดาวน์นั้น สหรัฐและจีนมีเที่ยวบินระหว่างกันเฉลี่ย 340 เที่ยวบินต่อสัปดาห์