กองทัพเรือสหรัฐระบุในแถลงการณ์ว่า เรือรบยูเอสเอส เมสัน (USS Mason) พร้อมด้วยเรือพันธมิตรอื่น ๆ เรียกร้องให้กลุ่มติดอาวุธทั้ง 5 รายปล่อยเรือบรรทุกเซ็นทรัลพาร์ก (Central Park) ให้เป็นอิสระ ต่อมา กลุ่มติดอาวุธพยายามหลบหนีออกไปด้วยเรือเร็ว แต่ในที่สุดก็ถูกเรือรบสหรัฐไล่ตามทันและยอมจำนนในที่สุด
ทั้งนี้ กองทัพเรือสหรัฐไม่ได้เปิดเผยตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุแต่อย่างใด
ขณะเกิดเหตุ มีขีปนาวุธ 2 ลูกยิงมาจากประเทศเยเมนในพื้นที่ส่วนที่กลุ่มติดอาวุธฮูตีควบคุมอยู่ โดยพุ่งตรงมาที่เรือรบเมสันและเรือรบเซ็นทรัลพาร์ก อย่างไรก็ดี ขีปนาวุธทั้ง 2 ลูกตกลงทะเลห่างจากเป้าหมายไปประมาณ 10 ไมล์ทะเล ส่งผลให้ไม่มีการบาดเจ็บเสียหายเกิดขึ้น
เหตุการณ์ดังกล่าวถือเป็นเหตุโจมตีครั้งล่าสุดในน่านน้ำตะวันออกกลางนับตั้งแต่เกิดสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาสเมื่อวันที่ 7 ต.ค. นอกจากนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วในทะเลแดงตอนใต้ ก็มีเหตุการณ์เรือบรรทุกสินค้าลำหนึ่งที่เชื่อมโยงกับอิสราเอลถูกยึดโดยกลุ่มฮูตีที่อิหร่านหนุนหลัง ด้านกลุ่มฮูตีประกาศว่าจะหมายหัวเรืออิสราเอลให้ได้มากขึ้น
ทั้งนี้ เรือเซ็นทรัลพาร์กเป็นเรือบรรทุกสารเคมีขนาดเล็ก (19,998 ตัน) บริหารงานโดยบริษัทโซดิแอค มารีไทม์ จำกัด (Zodiac Maritime Ltd) ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่กรุงลอนดอนและเป็นของตระกูลโอเฟอร์ชาวอิสราเอล
โซดิแอค มารีไทม์ ออกแถลงการณ์ว่า เรือบรรทุกเซ็นทรัลพาร์กอาจถูกโจรสลัดโจมตีขณะข้ามน่านน้ำสากล ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งโซมาเลียประมาณ 54 ไมล์ทะเล
อนึ่ง เรือเซ็นทรัลพาร์กบรรทุกกรดฟอสฟอริกมาเต็มลำ โดยกรดดังกล่าวเป็นสารเคมีที่มักใช้ทำปุ๋ย
"สิ่งสำคัญที่สุดของเราคือความปลอดภัยของคนบนเรือ 22 คน ทั้งกัปตันชาวตุรกีและลูกเรือจากนานาชาติ ประกอบด้วยชาวรัสเซีย, เวียดนาม, บัลแกเรีย, อินเดีย, จอร์เจีย และฟิลิปปินส์" แถลงการณ์ของโซดิแอค มารีไทม์ ระบุ