การเจรจาข้อตกลงด้านสภาพอากาศในการประชุมสุดยอด COP28 ที่ดูไบของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ในวันพุธ (13 ธ.ค.) ใช้เวลาดำเนินการนานกว่าคาดการณ์ไว้ โดยประเทศต่าง ๆ เกือบ 200 ประเทศ พยายามมองหาจุดที่ทุกฝ่ายมีความเห็นร่วมกันเกี่ยวกับบทบาทของเชื้อเพลิงฟอสซิลในอนาคต ซึ่งเป็นประเด็นที่มีการถกเถียงกันมากที่สุด
การตัดสินใจใด ๆ ก็ตามในประเด็นดังกล่าวที่จะเกิดขึ้นในระหว่างการประชุมครั้งนี้ ซึ่งใช้เวลานาน 2 สัปดาห์ จะเป็นการส่งสาสน์อันทรงพลังไปยังนักลงทุนและตลาดทั่วโลกเกี่ยวกับความมุ่งมั่นของรัฐบาลทั่วโลกว่าจะยุติการใช้น้ำมัน ก๊าซ และถ่านหิน หรือจะยังคงใช้งานต่อไปเช่นเดิม
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า หลายประเทศวิพากษ์วิจารณ์ข้อตกลงที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (11 ธ.ค.) เนื่องจากล้มเหลวในการเรียกร้องให้ลดหรือยุติการใช้งานเชื้อเพลิงฟอสซิลลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยนักวิทยาศาสตร์กล่าวว่า เชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน
ประเทศต่าง ๆ มากกว่า 100 ประเทศ ตั้งแต่ประเทศใหญ่อย่าง สหรัฐ สหภาพยุโรป ไปจนถึงประเทศหมู่เกาะขนาดเล็ก เช่น ซามัว ต่างผลักดันเนื้อหาในข้อตกลงที่ให้ค่อย ๆ ลดหรือยุติการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล แต่กลับต้องเผชิญกับการต่อต้านจากประเทศสมาชิกของกลุ่มโอเปกและพันธมิตร
ในคืนวันอังคาร (12 ธ.ค.) และช่วงเช้าตรู่ของวันพุธนี้ (13 ธ.ค.) คณะผู้แทนจากประเทศต่าง ๆ ได้จัดการประชุมระหว่างกันและหารือกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ผู้เป็นเจ้าภาพการประชุม COP28 โดยสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในฐานะเจ้าภาพ มีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดทำร่างข้อตกลงขั้นสุดท้ายฉบับใหม่ เพื่อจัดการข้อเรียกร้องของประเทศต่าง ๆ ให้ชัดเจน
หลังจากร่วมหารือกับตัวแทนจากคณะผู้แทนต่าง ๆ แล้วนั้น นายจอห์น เคอร์รี ผู้แทนพิเศษว่าด้วยประเด็นสภาพภูมิอากาศได้ออกมาแสดงความเห็นว่า เขาเชื่อว่าเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับประเด็นเชื้อเพลิงฟอสซิลในร่างข้อตกลงของ COP28 จะมีความแข็งแกร่งมากขึ้น
"ผมเห็นว่ามีความคืบหน้า และกำลังเคลื่อนตัวไปในทิศทางที่ถูกต้อง" นายเคอร์รีกล่าวกับผู้สื่อข่าว พร้อมเสริมว่าเขาและตัวแทนคนอื่น ๆ จะหารือกันตลอดทั้งคืนเพื่อความก้าวหน้าในเรื่องนี้ต่อไป