กองทัพอิสราเอลเปิดเผยว่า ทางกองทัพค้นพบอุโมงค์ขนาดใหญ่ในฉนวนกาซา ใกล้กับจุดที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นทางเข้าอิสราเอลที่พลุกพล่าน โดยการค้นพบครั้งนี้ก่อให้เกิดการตั้งคำถามใหม่ ๆ ว่าหน่วยข่าวกรองของอิสราเอลไม่สังเกตเห็นการเตรียมการที่ชัดเจนของกลุ่มฮามาสในการโจมตีอิสราเอลอย่างรุนแรงเมื่อวันที่ 7 ต.ค.ได้อย่างไร
ทางเข้าอุโมงค์ดังกล่าวตั้งอยู่ห่างจากจุดข้ามแดนเอเรซเพียงไม่กี่ร้อยเมตร โดยจุดข้ามแดนแห่งนี้มีการป้องกันอย่างหนาแน่น และมีฐานทัพทหารอิสราเอลอยู่ในบริเวณใกล้เคียงอีกด้วย
เรื่องนี้ส่งผลให้ทหารอิสราเอล หน่วยข่าวกรอง และรัฐบาลอิสราเอลถูกวิพากษ์วิจาร์อย่างรุนแรงเนื่องจากล้มเหลวในการคาดการณ์และไม่สามารถตรวจจับการโจมตีล่วงหน้าได้
กองทัพอิสราเอลกล่าวว่า อุโมงค์ดังกล่าวมีความยาวกว่า 4 กิโลเมตร (ประมาณ 2.5 ไมล์) เชื่อมโยงกับเครือข่ายอุโมงค์ขนาดใหญ่ทั่วฉนวนกาซา และกว้างพอให้รถวิ่งผ่านได้ โดยอุโมงค์นี้ถูกใช้เพื่อเคลื่อนย้ายยานพาหนะ กลุ่มนักรบติดอาวุธ และเสบียงต่าง ๆ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีอิสราเอลในวันที่ 7 ต.ค.
ในวันที่ 7 ต.ค. กลุ่มนักรบฮามาสใช้เครื่องยิงจรวดอาร์พีจีเจาะกำแพงใกล้กับจุดข้ามแดนเอเรซ และบุกโจมตีฐานทัพที่อยู่ใกล้เคียง จากนั้นได้สังหารทหารอิสราเอลอย่างน้อย 3 นาย และลักพาตัวทหารบางส่วนไปยังฉนวนกาซา
กองทัพอิสราเอลระบุว่าการโจมตีนี้เป็นหนึ่งในการโจมตีหลายครั้งตลอดแนวกำแพงชายแดน ซึ่งกลุ่มนักรบฮามาสสามารถฝ่าแนวการป้องกันของอิสราเอลไปได้อย่างง่ายดาย และเข้าไปในดินแดนของอิสราเอล คร่าชีวิตผู้คนไปราว 1,200 ราย และจับตัวประกันได้ประมาณ 240 ราย
การโจมตีครั้งใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนนี้ ได้นำไปสู่สงครามการทำลายล้างที่ยืดเยื้อยาวนานกว่า 10 สัปดาห์ โดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขปาเลสไตน์ระบุว่ามีผู้เสียชีวิตในฉนวนกาซามากกว่า 18,000 ราย
ทางด้านอิสราเอลชี้แจงว่าวัตถุประสงค์หลักของกองทัพอิสราเอลคือการทำลายเครือข่ายอุโมงค์ใต้ดินของกลุ่มฮามาส ซึ่งส่วนใหญ่ตั้งอยู่ใต้โรงเรียน โรงพยาบาล และจุดที่เป็นที่อยู่อาศัย