สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวานนี้ (24 ธ.ค.) ว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงโทมนัสว่า พระดำรัสแห่งสันติภาพของพระเยซูกำลังถูกกลบด้วย "ตรรกะอันไร้ประโยชน์ของสงคราม" ในดินแดนเดียวกันกับที่พระเยซูประสูติ ขณะที่พระสันตะปาปาทรงนำผู้นับถือศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกทั่วโลกเข้าสู่เทศกาลคริสต์มาส
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ซึ่งทรงอยู่ในวาระการดำรงตำแหน่งสมเด็จพระสันตะปาปาเป็นปีที่ 11 ทรงเป็นประธานประกอบพิธีมิสซาในวันคริสต์มาสอีฟอันศักดิ์สิทธิ์ ณ มหาวิหารนักบุญเปโตร และทรงเทศน์ถึงความขัดแย้งในดินแดนศักดิ์สิทธิ์
"คืนนี้ หัวใจของเรายังคงอยู่ที่เบธเลเฮม ที่ซึ่งเจ้าชายแห่งสันติถูกปฏิเสธอีกครั้งโดยตรรกะอันไร้ประโยชน์ของสงคราม โดยเสียงปะทะของอาวุธที่แม้กระทั่งวันนี้ก็ยังคงขัดขวางมิให้พระองค์ทรงหาที่ว่างในโลก" สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสตรัส
พระสันตะปาปาวัย 87 พรรษาตรัสเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่นายกรัฐมนตรีเบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล ให้คำมั่นว่าจะเดินหน้าแนวรบให้ลึกเข้าไปในเขตฉนวนกาซาของปาเลสไตน์ หลังจากกองทหารอิสราเอลเผชิญกับความสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในสงครามภาคพื้นดิน
ในพิธีมิสซาของพระสันตะปาปาสำหรับประชาชน 6,500 คน ณ มหาวิหารนักบุญเปโตร และผู้ที่รับชมผ่านจอภาพ ณ ลานจัตุรัสด้านนอก สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสตรัสว่า สาระที่แท้ของคริสต์มาสคือสันติภาพและความรัก พร้อมทรงเรียกร้องให้ผู้คนอย่าหมกมุ่นอยู่กับความสำเร็จทางโลกและ "หลงบูชาลัทธิบริโภคนิยม"
พระสันตะปาปาตรัสถึง "สายใยแห่งมนุษย์ปุถุชนที่ทอดผ่านประวัติศาสตร์ การแสวงหาอำนาจและอิทธิพลทางโลก ชื่อเสียงและเกียรติยศ ซึ่งวัดทุกสิ่งทุกอย่างในแง่ของความสำเร็จ, ผลลัพธ์, จำนวน และตัวเลข โลกที่หมกมุ่นอยู่กับความสำเร็จ"
สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสตรัสว่า แม้ว่าหลายคนอาจพบว่าเป็นการยากที่จะเฉลิมฉลองคริสต์มาสใน "โลกที่ด่วนตัดสินและไม่ให้อภัยเช่นนี้" ถึงกระนั้นก็ควรพยายามจดจำสิ่งที่เกิดขึ้นในคริสต์มาสครั้งแรก
"ค่ำคืนนี้ ความรักเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์" พระสันตะปาปาตรัส
ก่อนหน้านี้ สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสทรงวิงวอนหลายครั้งให้มีการหยุดยิงในฉนวนกาซา และทรงเรียกร้องให้กลุ่มติดอาวุธฮามาสปล่อยตัวประกันทั้งหมด
อนึ่ง ในช่วงเที่ยงวันจันทร์นี้ (25 ธ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสจะทรงมีพระดำรัสและประทานพรวันคริสต์มาส "Urbi et Orbi" (แด่กรุงโรมและโลก)