หนังสือพิมพ์พีเพิลส์เดลี สื่อที่เป็นกระบอกเสียงของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ระบุในบทวิจารณ์ว่า ฟิลิปปินส์อาศัยการสนับสนุนจากสหรัฐเพื่อยั่วยุจีนอยู่ตลอดเวลา พฤติกรรม "อันตรายอย่างยิ่ง" เช่นนี้ส่งผลเสียร้ายแรงต่อสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาค
"วอชิงตันมักใช้สนธิสัญญาด้านกลาโหมกับมะนิลาเพื่อข่มขู่จีน โดยสนับสนุนฟิลิปปินส์ให้ทำการละเมิดอธิปไตยจีนอย่างโจ่งแจ้ง และปั่นกระแสความกังวลด้านความมั่นคง" พีเพิลส์เดลีระบุ
การกระทำเช่นนั้น "ไร้ความรับผิดชอบและอันตรายอย่างยิ่ง" บทวิจารณ์ดังกล่าวระบุ ซึ่งเขียนโดยนามปากกา "จงเชิง" หรือ "เสียงแห่งจีน" ซึ่งมักใช้เพื่อแสดงความเห็นของพีเพิลส์เดลีเกี่ยวกับประเด็นนโยบายต่างประเทศ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ความตึงเครียดระหว่างรัฐบาลของทั้งสองประเทศทวีความรุนแรงขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวโทษกันในกรณีเผชิญหน้ากันหลายครั้งในทะเลจีนใต้ รวมถึงข้อกล่าวหาว่าจีนชนเรือที่บรรทุกเสนาธิการทหารแห่งกองทัพฟิลิปปินส์ในเดือนนี้
ทั้งนี้ จีนอ้างสิทธิ์อธิปไตยเหนือทะเลจีนใต้เกือบทั้งหมดโดยใช้ "เส้นประ 9 เส้น" บนแผนที่ซึ่งทอดยาวกว่า 1,500 กิโลเมตรจากจีนแผ่นดินใหญ่ โดยเส้นดังกล่าวซ้อนทับกับเวียดนาม, มาเลเซีย, บรูไน, อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ โดยก่อนหน้านี้ในปี 2559 ศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศตัดสินให้การอ้างกรรมสิทธิ์ของจีนเป็นโมฆะในคดีข้อพิพาทที่ฟิลิปปินส์ยื่นฟ้อง อย่างไรก็ดี รัฐบาลจีนไม่ยอมรับคำตัดสินดังกล่าว
ความเห็นในพีเพิลส์เดลีดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีนระบุว่า หากฟิลิปปินส์ตัดสินใจอย่างผิด ๆ หรือสมคบคิดกับกองกำลังภายนอกที่ "มีเจตนามุ่งร้าย" ในน่านน้ำที่เป็นข้อพิพาท จีนจะปกป้องสิทธิของตนและตอบโต้อย่างเด็ดขาด
ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเลวร้ายลงในช่วงเวลาเดียวกันกับที่ฟิลิปปินส์กระชับความสัมพันธ์ทางทหารกับญี่ปุ่นและสหรัฐ ซึ่งเป็นอดีตเจ้าอาณานิคมและพันธมิตรทางการทหารมานานถึง 7 ทศวรรษ
ในเดือนนี้ จีนแสดงความไม่พอใจต่อสหรัฐที่ส่งเรือรบเข้าไปในน่านน้ำใกล้พื้นที่พิพาทที่จีนและฟิลิปปินส์เผชิญหน้าทางทะเลกันหลายครั้ง