การปะทะกันครั้งล่าสุดนี้เป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งในวงกว้างในตะวันออกกลาง ซึ่งรุนแรงขึ้นจากสงครามอิสราเอล-ฮามาส โดยกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านในอิรักและซีเรียต่อต้านการกระทำของอิสราเอลในฉนวนกาซา และมองว่าสหรัฐมีส่วนรับผิดชอบต่อความขัดแย้ง
กองทัพสหรัฐกล่าวว่าได้ดำเนินการโจมตีในอิรักเมื่อเวลา 01:45 น. ตามเวลาท้องถิ่นตามคำสั่งของประธานาธิบดีโจ ไบเดน โดยน่าจะเป็นการสังหาร "กลุ่มนักรบฮิซบอลเลาะห์จำนวนหนึ่ง" และทำลายสถานที่ปฏิบัติงานหลายแห่งที่กลุ่มนี้ใช้
ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน ฐานทัพสหรัฐในเมืองอัรบีลของอิรักถูกโจมตีด้วยโดรนเที่ยวเดียวจนส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บ 3 ราย และก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 26 ต.ค. ฐานทัพแห่งเดียวกันนี้ก็ถูกโจมตีด้วยโดรนที่แทรกผ่านระบบป้องกันทางอากาศของสหรัฐมาได้ แต่โดรนดังกล่าวทำการระเบิดไม่สำเร็จ
ด้านกระทรวงกลาโหมสหรัฐ (เพนตากอน) ไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับทหารที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส หรือลักษณะอาการบาดเจ็บ นอกจากนี้ กระทรวงฯ ยังไม่เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการที่โดรนลำนี้ดูเหมือนจะแทรกผ่านระบบป้องกันทางอากาศของฐานทัพสหรัฐมาได้
"ผมขอร่วมสวดอธิษฐานให้กับชาวอเมริกันผู้กล้าหาญทั้งหลายที่ได้รับบาดเจ็บ" นายลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐกล่าวในแถลงการณ์
สภาความมั่นคงแห่งชาติ (NSC) ของสหรัฐกล่าวว่า หลังจากที่ฐานทัพสหรัฐในอัรบีลถูกโจมตี ปธน.ไบเดนได้สั่งให้เพนตากอนเตรียมแผนการตอบโต้
อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าการตอบโต้ล่าสุดของสหรัฐจะสามารถขัดขวางการโจมตีกองกำลังสหรัฐในอิรักและซีเรียในอนาคตได้หรือไม่ โดยกองกำลังนี้ประจำการอยู่เพื่อป้องกันการฟื้นคืนชีพของกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลาม
อนึ่ง กองทัพสหรัฐในอิรักและซีเรียถูกโจมตีแล้วอย่างน้อย 100 ครั้ง นับตั้งแต่สงครามอิสราเอล-ฮามาสเริ่มขึ้นในเดือนต.ค. โดยมักจะถูกโจมตีด้วยจรวดและโดรน