ผลสำรวจซึ่งจัดทำโดยสถาบันประชาธิปไตยอิสราเอล (IDI) ระบุว่า มีชาวอิสราเอลเพียง 15% ที่ต้องการให้นายเบนจามิน เนทันยาฮู ยังคงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของอิสราเอลต่อไปหลังจากสงครามอิสราเอล-ฮามาสในฉนวนกาซาสิ้นสุดลง แม้จะมีชาวอิสราเอลอีกจำนวนมากที่สนับสนุนยุทธศาสตร์ของนายเนทันยาฮูในการกำจัดกลุ่มฮามาสในฉนวนกาซาให้สิ้นซากก็ตาม
ก่อนหน้านี้ นายเนทันยาฮูได้ให้คำมั่นว่าจะกำจัดกลุ่มฮามาสให้สิ้นซากหลังจากที่ฮามาสโจมตีอิสราเอลทางตอนใต้เมื่อวันที่ 7 ต.ค 2566 ส่งผลให้ชาวอิสราเอลเสียชีวิต 1,200 คน และมี 240 คนถูกจับไปเป็นตัวประกันในฉนวนกาซา ส่งผลให้กองทัพอิสราเอลเปิดปฏิบัติการโจมตีพื้นที่หลายแห่งในฉนวนกาซา และนำไปสู่การทำสงครามกับกลุ่มฮามาสซึ่งกินเวลาเกือบ 3 เดือนในขณะนี้
นายเนทันยาฮูกล่าวว่า การตอบโต้ทางทหารที่รุนแรงเช่นนี้ มีเพื่อกดดันให้ฮามาสปล่อยตัวประกันที่เหลืออยู่อีก 129 รายในฉนวนกาซากลับมายังอิสราเอล หลังจากที่มีการปล่อยตัวประกันประมาณ 100 คนเมื่อปลายเดือนพ.ย. 2566 ในข้อตกลงแลกเปลี่ยนกับนักโทษชาวปาเลสไตน์หลายราย
ผลการสำรวจของ IDI พบว่า ผู้ร่วมตอบแบบสำรวจ 56% เห็นว่า การโจมตีทางทหารต่อไปเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการนำตัวประกันกลับมา ในขณะที่ 24% มองว่า การใช้ข้อตกลงแลกเปลี่ยน ซึ่งรวมถึงการปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์อีกหลายพันคนจากเรือนจำของอิสราเอล จะเป็นวิธีที่ดีที่สุด
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในฉนวนกาซาระบุว่า มีชาวปาเลสไตน์มากกว่า 22,000 คนเสียชีวิตในสงคราม และประชากรส่วนใหญ่กลายเป็นผู้พลัดถิ่น ขณะที่อิสราเอลเผยว่าได้สังหารนักรบฮามาสชาวปาเลสไตน์ราว 8,000 คน และให้คำมั่นว่าจะตามล่าผู้นำกลุ่มฮามาส
นายเนทันยาฮูกล่าวว่าอิสราเอลต้องใช้เวลาหลายเดือนกว่าจะได้รับชัยชนะ ขณะที่โพลสำรวจเผยว่า คะแนนความนิยมของนายเนทันยาฮูลดลงอย่างรวดเร็วนับตั้งแต่กลุ่มฮามาสโจมตีอิสราเอลแบบไม่ทันตั้งตัวเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2566 ซึ่งนับเป็นการโจมตีอิสราเอลครั้งรุนแรงที่สุดในรอบ 75 ปี