เอกสารทางการเงินในรายงานจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจากพรรคเดโมแครตที่เปิดเผยต่อสาธารณชนเมื่อวันพฤหัสบดี (4 ม.ค.) ระบุว่า รัฐบาลจีนและองค์กรที่ควบคุมโดยรัฐบาลจีนได้ใช้จ่ายเงินไปกว่า 5.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่ออุดหนุนธุรกิจต่าง ๆ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ในสมัยที่ยังนั่งตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งถือเป็นการใช้จ่ายเงินของรัฐบาลต่างประเทศก้อนใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐ
สมาชิกพรรคเดโมแครตในคณะกรรมการกำกับดูแลของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้รับรายการบันทึกทางบัญชีจากบริษัทมาซาร์ส (Mazars) ซึ่งเป็นบริษัทที่เคยตรวจสอบบัญชีให้กับนายทรัมป์ โดยบันทึกดังกล่าวระบุว่า การใช้จ่ายที่เกี่ยวพันกับรัฐบาลจีนนั้นรวมถึงการใช้จ่ายเงินหลายล้านดอลลาร์สหรัฐจากสถานเอกอัครราชทูตจีนในสหรัฐ, ธนาคารของรัฐบาลจีนแห่งหนึ่งที่ถูกกระทรวงยุติธรรมสหรัฐกล่าวหาว่าช่วยเหลือเกาหลีเหนือในการหลีกเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตร และบริษัทด้านการขนส่งทางอากาศของรัฐบาลจีนแห่งหนึ่ง
รายงานระบุว่า จีนเป็นหนึ่งใน 20 ประเทศที่ใช้จ่ายเงินรวมกันอย่างน้อย 7.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐในธุรกิจและอสังหาริมทรัพย์ของนายทรัมป์ในช่วงที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ เช่น โรงแรมของนายทรัมป์ในกรุงวอชิงตัน ดีซี, รัฐนิวยอร์กและเมืองลาสเวกัส
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า เอกสารชุดดังกล่าวถือเป็นหลักฐานเพิ่มเติมที่แสดงให้เห็นถึงการใช้จ่ายเงินโดยตรงของรัฐบาลต่างชาติในการอุดหนุนธุรกิจของประธานาธิบดีที่ยังอยู่ในตำแหน่ง แต่ไม่ใช่บันทึกการใช้จ่ายทั้งหมดของต่างชาติในการอุดหนุนธุรกิจของนายทรัมป์สมัยนั่งแท่นประธานาธิบดี
ในเวลานั้น ทนายความของนายทรัมป์ระบุว่า นายทรัมป์วางแผนจะบริจาคผลกำไรที่โรงแรมของเขาได้รับจากต่างชาติให้กับกระทรวงการคลังสหรัฐ อย่างไรก็ตาม มีรายงานระบุว่า เงินบริจาคในปี 2560-61 ของทรัมป์ ออร์แกไนเซชั่น (Trump Organization) ต่ำกว่าตัวเลขการใช้จ่ายของต่างชาติ