รัฐสภาเกาหลีใต้ผ่านร่างกฎหมายห้ามค้าเนื้อสุนัขในวันนี้ (9 ม.ค.) ถือเป็นการยุติการกินและขายเนื้อสุนัขที่ปฏิบัติกันมายาวนานหลายศตวรรษในเกาหลีใต้
สมัยก่อน ชาวเกาหลีใต้มองว่าการกินเนื้อสุนัขจะช่วยเพิ่มความทรหดอดทนในช่วงฤดูร้อนของเกาหลี อย่างไรก็ตาม แนวทางปฏิบัตินี้ได้เสื่อมความนิยมโดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ เนื่องจากสุนัขถูกมองว่าเป็นสัตว์เลี้ยงมากขึ้น
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวผ่านความเห็นชอบอย่างท่วมท้นถึง 208 เสียง และงดออกเสียง 2 เสียง ในระบบสภาเดียว โดยกฎหมายจะมีผลใช้บังคับหลังจากพ้นระยะเวลาผ่อนผัน 3 ปี ผู้ฝ่าฝืนจะต้องโทษจำคุก 3 ปี หรือปรับ 30 ล้านวอน (22,800 ดอลลาร์)
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวบ่งชี้ถึงความคิดเห็นของประชาชนที่เปลี่ยนมาสนับสนุนสวัสดิภาพสัตว์กันมากขึ้น โดยกลุ่มนักเคลื่อนไหวกล่าวว่า การฆ่าสุนัขเพื่อเอาเนื้อส่วนใหญ่มักกระทำโดยวิธีช็อตไฟฟ้าหรือแขวนคอสุนัข แม้ฝ่ายผู้ค้าเนื้อสุนัขจะออกมาแย้งว่าได้ปรับวิธีการฆ่าให้มีมนุษยธรรมมากขึ้นแล้วก็ตาม
อนึ่ง เสียงสนับสนุนให้แบนการกินเนื้อสุนัขเพิ่มขึ้นภายในสมัยของประธานาธิบดียุน ซอกยอล ผู้ขึ้นชื่อว่าเป็นคนรักสัตว์ที่รับเลี้ยงสุนัข 6 ตัวและแมว 8 ตัว ร่วมกับนางคิม ค็อน-ฮี สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง ผู้ซึ่งวิพากษ์วิจารณ์การบริโภคเนื้อสุนัขเช่นกัน
ผลสำรวจจากสถาบันการตระหนักรู้ การวิจัย และการศึกษาด้านสวัสดิภาพสัตว์ที่เผยแพร่เมื่อวานนี้ (8 ม.ค.) ระบุว่า ผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่า 94% กล่าวว่า ไม่ได้กินเนื้อสุนัขในปีที่ผ่านมา และประมาณ 93% กล่าวว่า จะไม่กินเนื้อสุนัขในอนาคต
แม้ว่าก่อนหน้านี้ทางการจะล้มเหลวในการห้ามการกินเนื้อสุนัขเนื่องจากเผชิญเสียงคัดค้านจากอุตสาหกรรมดังกล่าว แต่ร่างกฎหมายฉบับนี้ระบุว่าจะให้ค่าชดเชยเพื่อให้ธุรกิจต่าง ๆ เลิกการค้าเนื้อสุนัข
ด้านสมาคมสุนัขกินได้แห่งเกาหลีซึ่งเป็นความร่วมมือกันของผู้เพาะพันธุ์และผู้ขายเนื้อสุนัขกล่าวว่า การแบนครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อฟาร์ม 3,500 แห่งที่เลี้ยงสุนัข 1.5 ล้านตัว รวมถึงร้านอาหารที่ขายเนื้อสุนัขอีก 3,000 แห่ง