สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานโดยอ้างอิงข้อมูลการบันทึกเสียง ระบุว่า ผู้ช่วยของพลเอกลอยด์ ออสติน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ได้ขอให้เจ้าหน้าที่ปิดเสียงไซเรนและปิดไฟรถพยาบาล ระหว่างโทรแจ้ง 911 เพื่อเรียกรถพยาบาลไปรับนายออสตินส่งโรงพยาบาล ในวันที่ 1 ม.ค. ที่ผ่านมา
"ให้รถพยาบาลมาโดยไม่ต้องเปิดไฟและเปิดไซเรนได้ไหม เราต้องการไปแบบไม่โจ่งแจ้ง" ผู้ช่วยของพลเอกออสตินกล่าวกับเจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุฉุกเฉิน 911
กรณีที่พลเอกออสตินเดินทางไปยังศูนย์การแพทย์ทหารแห่งชาติ วอลเตอร์ รีด และเข้ารับการรักษาพยาบาลในเวลาต่อมานั้น ได้ถูกปิดเป็นความลับเป็นเวลาหลายวัน แม้แต่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ และนางแคธลีน ฮิกส์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐ ก็ไม่ทราบเรื่องดังกล่าว
พลเอกออสตินเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เนื่องจากประสบภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดมะเร็งต่อมลูกหมาก เมื่อวันที่ 22 ธ.ค. 2566 และออกจากโรงพยาบาลมาพักรักษาตัวที่บ้านในรัฐเวอร์จิเนียเมื่อวันจันทร์ (15 ม.ค.) ซึ่งเรื่องนี้ก็ถูกปิดเป็นความลับเช่นกัน
ความลับเกี่ยวกับอาการป่วยและการรักษาตัวของพลเอกออสติน ได้ก่อให้เกิดความวุ่นวายทางการเมือง โดยพรรครีพับลิกันได้ใช้เหตุการณ์นี้โจมตีพลเอกออสตินว่าละเลยการปฏิบัติหน้าที่ โดยสมาชิกระดับสูงหลายคนของพรรครีพับลิกัน รวมถึงนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ได้เรียกร้องให้ถอดถอนพลเอกออสตินออกจากตำแหน่ง
อนึ่ง พลเอกออสตินคือนายพลระดับ 4 ดาว วัย 70 ปี ซึ่งเคยเป็นผู้บัญชาการกองกำลังสหรัฐในอิรัก และเป็นชาวผิวดำคนแรกที่ได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมสหรัฐ
ทั้งนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเพราะเหตุใดพลเอกออสตินถึงได้ตัดสินใจไม่แจ้งเรื่องอาการป่วยโรคมะเร็งและภาวะแทรกซ้อนหลังการผ่าตัดให้กับคณะทำงานของประธานาธิบดีไบเดนรับทราบ แม้ว่าจะต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลก็ตาม