องค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) จะทำการซ้อมรบครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สมัยสงครามเย็น เพื่อฝึกซ้อมยุทธวิธีที่กองทัพสหรัฐจะช่วยเสริมกำลังรบให้กับชาติพันธมิตรยุโรปที่มีพรมแดนติดกับรัสเซียและดินแดนทางฝั่งตะวันออก หากความขัดแย้งปะทุขึ้นโดยมีศัตรูที่อยู่อย่างใกล้ชิด
คริส คาโวลี ผู้บัญชาการสูงสุดของนาโตเปิดเผยเมื่อวานนี้ (19 ม.ค.) ว่า กองกำลังทหารของนาโตประมาณ 90,000 นาย มีกำหนดการเข้าร่วมการซ้อมรบภายใต้ภารกิจ "Steadfast Defender" ประจำปี 2567 ที่จะดำเนินไปจนถึงเดือนพ.ค.
นาโตระบุว่า เรือบรรทุกเครื่องบินและเรือพิฆาตมากกว่า 50 ลำ ตลอดจนเครื่องบินขับไล่มากกว่า 80 ลำ เฮลิคอปเตอร์และโดรนจำนวนมาก และยานยนต์เพื่อการสู้รบอีกอย่างน้อย 1,100 คัน ซึ่งรวมถึงรถถัง 133 คัน และรถสายพานหุ้มเกราะ 533 คัน จะมีส่วนร่วมในการซ้อมรบในครั้งนี้ด้วย
คาโวลีกล่าวว่า การซ้อมรบดังกล่าวจะเป็นฝึกซ้อมการดำเนินการตามแผนระดับภูมิภาคของนาโต ซึ่งเป็นแผนการป้องกันแผนแรกที่กลุ่มพันธมิตรได้จัดทำขึ้นในรอบหลายสิบปี โดยมีรายละเอียดเกี่ยวกับแนวทางตอบสนองต่อการโจมตีของรัสเซีย
แม้ว่านาโตจะไม่ได้ระบุชื่อรัสเซียโดยตรงในคำประกาศดังกล่าว แต่เอกสารทางยุทธศาสตร์ระดับสูงระบุว่า รัสเซียเป็นภัยคุกคามมากที่สุดต่อความมั่นคงของชาติสมาชิกนาโต
แถลงการณ์ของนาโตระบุว่า "การซ้อมรบ Steadfast Defender ประจำปี 2567 จะแสดงให้เห็นถึงความสามารถของนาโตในการระดมพลจากอเมริกาเหนือและส่วนอื่น ๆ ของพันธมิตรอย่างรวดเร็ว เพื่อเสริมกำลังการป้องกันของยุโรป"
ทั้งนี้ ข้อมูลของนาโตระบุว่า การซ้อมรบครั้งหลังสุดที่มีขนาดใกล้เคียงกันคือ การซ้อมรบภายใต้ภารกิจชื่อ "Reforger" ในช่วงสงครามเย็นในปี 2531 โดยมีกองกำลังเข้าร่วมจำนวน 125,000 นาย และการซ้อมรบภายใต้ภารกิจชื่อ "Trident Juncture" ในปี 2561 ซึ่งมีกองกำลังเข้าร่วม 50,000 นาย