นายโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ออกมาแสดงความกังวลเป็นครั้งแรกเกี่ยวกับคำกล่าวของนายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ ที่อ้างว่าจะสามารถยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครน ได้ในระยะเวลาเพียง 1 วัน หากเขาได้กลับมาครองตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอีกครั้ง
ในการให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์แชนแนลโฟร์ของอังกฤษซึ่งออกอากาศเมื่อวันศุกร์ (19 ม.ค.) นายเซเลนสกีกล่าวว่า คำพูดโอ้อวดของนายทรัมป์เป็นสิ่งที่อันตรายมาก เนื่องจากนายทรัมป์ไม่ได้อธิบายว่าแผนการหลังจากสงครามจะเป็นอย่างไร และชี้ว่ามีความเป็นไปได้ว่าคำกล่าวอ้างของนายทรัมป์อาจเป็นเพียงแค่การส่งข้อความทางการเมืองในกลยุทธ์ในการหาเสียงเท่านั้น
นายเซเลนสกีแสดงความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้หากนายทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอีกครั้ง โดยมองว่านายทรัมป์อาจดำเนินการตัดสินใจที่อาจไม่เป็นผลดีต่อยูเครนหรือประชาชนชาวยูเครน และนายเซเลนสกียอมรับว่ารู้สึกหนักใจและเครียดมากกับแนวคิดที่ว่านายทรัมป์สามารถผลักดันการตัดสินใจดังกล่าวได้โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบใด ๆ ต่อยูเครน
นายทรัมป์กล่าวถึงเรื่องสงครามรัสเซีย-ยูเครน ระหว่างการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นเอ็นเมื่อเดือนพ.ค. 2566 เกี่ยวกับนโยบายต่างประเทศที่เขาจะดำเนินการ หากได้เป็นผู้นำสหรัฐอีกครั้ง ซึ่งในระหว่างสัมภาษณ์ นายทรัมป์กล่าวว่า "ถ้าผมเป็นประธานาธิบดี ผมจะทำให้สงครามนั้นยุติลงภายใน 24 ชั่วโมง"
ในการสัมภาษณ์ นายเซเลนสกีส่งข้อความโดยตรงถึงนายทรัมป์ว่า "ขอเชิญคุณทรัมป์มาเยือนยูเครน มาที่เคียฟ หากคุณสามารถยุติสงครามได้ภายใน 24 ชั่วโมงได้ ผมเชื่อว่านั่นเป็นเหตุผลที่เพียงพอสำหรับคุณที่จะมายูเครน" พร้อมเสริมว่าบางทีนายทรัมป์อาจมีความคิดที่จริงใจจริง ๆ และเขาสามารถแบ่งปันความคิดเหล่านั้นกับตนได้
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า โดยปกติแล้ว นายเซเลนสกีจะหลีกเลี่ยงการวิพากษ์วิจารณ์นายทรัมป์อย่างเปิดเผย โดยมีเป้าหมายแสดงจุดยืนเป็นกลาง ท่ามกลางความแตกแยกระหว่างพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกันที่สนับสนุนนายทรัมป์ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้สถานการณ์แย่ลงเมื่อพรรครีพับลิกันขัดขวางไม่ให้สหรัฐมอบเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมให้กับยูเครน
เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ในระหว่างเข้าร่วมประชุมเศรษฐกิจโลก (World Economic Forum หรือ WEF) ที่เมืองดาวอสของสวิตเซอร์แลนด์ นายเซเลนสกีตอบคำถามสื่อเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าว ซึ่งนายเซเลนสกีตั้งคำถามเชิงอุปมาว่านายทรัมป์จะทำอย่างไร หากนายปูตินเดินหน้ารุกโจมตียูเครนรุนแรงยิ่งขึ้น โดยชี้ว่านายทรัมป์อาจถอนการสนับสนุนทั้งหมดจากสหรัฐ และนายปูตินอาจจะเริ่มรุกรานประเทศสมาชิกองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต)
ทั้งนี้ หลายฝ่ายเชื่ออย่างกว้างขวางว่า การที่นายทรัมป์สามารถคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 2567 ได้นั้น จะเป็นสิ่งที่นายปูตินยินดี เนื่องจากรัสเซียอาจบุกยึดดินแดนในยูเครนต่อไป และประกาศชัยชนะในสงคราม ซึ่งในทางตรงกันข้าม นายเซเลนสกียืนกรานว่าข้อตกลงสันติภาพใด ๆ ก็ตามที่จะมีขึ้น จะต้องรวมถึงการถอนกองกำลังรัสเซียทั้งหมดออกจากดินแดนที่ยึดไปจากยูเครนตั้งแต่ปี 2567 รวมถึงไครเมียด้วย