นายโจฮารี อับดุล กานี ประธานหน่วยงานกู้คืนทรัพย์สินจากกองทุน 1MDB เปิดเผยวันนี้ (23 ม.ค.) ว่า มาเลเซียกำลังพิจารณาเริ่มต้นดำเนินคดีตามกฎหมายกับธนาคารต่างชาติหลายแห่งที่มีส่วนเชื่อมโยงกับการทุจริตกองทุน 1MDB อันอื้อฉาว
ทั้งนี้ นายโจฮารีไม่ได้เปิดเผยรายชื่อของธนาคารต่างชาติเหล่านี้แต่อย่างใด โดยระบุเพียงว่า ธนาคารเหล่านี้ไม่ได้ดำเนินการตรวจสอบสถานะอย่างเหมาะสมก่อนจะให้บริการโอนเงินที่มีความเกี่ยวข้องกับกองทุนนี้
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เจ้าหน้าที่มาเลเซียและสหรัฐประเมินว่ามีการยักยอกเงิน 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐออกจากกองทุน 1MDB โดยกรณีทุจริตดังกล่าวนั้นขยายวงไปทั่วโลกและพัวพันกับกลุ่มเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกองทุน 1MDB, นายนาจิบ ราซัค อดีตนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย รวมถึงพนักงานของโกลด์แมน แซคส์ และบุคคลอื่น ๆ
อัยการระบุว่า โกลด์แมน แซคส์ ได้ช่วยกองทุน 1MDB ระดมเงินทุน 6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐผ่านการขายตราสารหนี้ 3 ชุด แต่เงิน 4.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐจากการขายตราสารหนี้ดังกล่าวกลับถูกโอนเข้าบัญชีของเจ้าหน้าที่รัฐบาล นายธนาคาร และกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกันอื่น ๆ ผ่านการให้สินบนและเงินใต้โต๊ะระหว่างปี 2552-2558
สหรัฐได้คืนเงินทุนที่สามารถยึดกลับมาได้ โดยเงินดังกล่าวได้จากการอายัดสินทรัพย์ที่ถูกกล่าวหาว่าซื้อมาด้วยเงินที่ยักยอกจากกองทุน 1MDB
ด้านอดีตนายกรัฐมนตรีนาจิบ ราซัค ถูกศาลมาเลเซียตัดสินจำคุกเป็นเวลา 12 ปี จากการมีส่วนร่วมของเขาในเรื่องอื้อฉาวทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มาเลเซียนี้
นายโจฮารีระบุในแถลงการณ์ว่า "คณะทำงาน 1MDB มีความมุ่งมั่นที่จะจัดการกับปัญหาเกี่ยวกองทุน 1MDB อย่างโปร่งใส และทำให้ทุกฝ่ายมีส่วนรับผิดชอบ"
ทั้งนี้ ในปี 2563 โกลด์แมน แซคส์ ได้ตกลงที่จะจ่ายเงิน 3.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อยุติการไต่สวนคดีทางอาญาของมาเลเซียเกี่ยวกับบทบาทของโกลด์แมน แซคส์ ในกรณีการทุจริตกองทุน 1MDB อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ทั้งสองฝ่ายมีความขัดแย้งในเรื่องข้อตกลงดังกล่าว ซึ่งกำหนดว่า โกลด์แมน แซคส์ ควรชำระเงินระหว่างกาล หากมาเลเซียไม่สามารถเรียกคืนเงินจากบริษัทฯ ได้อย่างน้อย 500 ล้านดอลลาร์ได้ภายในเดือนส.ค. 2565