สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า วาทกรรมที่แข็งกร้าวของนายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ก่อให้เกิดการคาดการณ์ว่า นายคิมอาจกำลังเตรียมพร้อมสำหรับการทำสงคราม อย่างไรก็ตาม ยังมีเหตุผลสำคัญที่อาจฉุดรั้งไม่ให้นายคิมนำประเทศเข้าสู่ความขัดแย้ง เนื่องจากเศรษฐกิจของเกาหลีเหนือกำลังดีขึ้น และมีการเติบโตในระดับที่เร็วที่สุดในรอบเกือบ 10 ปี
เกาหลีเหนือจำหน่ายขีปนาวุธ กระสุนปืนใหญ่ และยุทโธปกรณ์ทางทหารอื่น ๆ เพื่อสนับสนุนนายวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ในการทำสงครามในยูเครน ซึ่งเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจของเกาหลีเหนือ หลังจากที่ถูกโดดเดี่ยวจากการคว่ำบาตรจากนานาชาติมาเป็นระยะเวลานาน
รายงานระบุว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวอาจทำให้นายคิมเล็งเห็นว่าไม่จำเป็นต้องมีส่วนร่วมหรือตอบโต้ใด ๆ กับชาติตะวันตกไปอีกนาน และแสดงให้เห็นว่านายคิมจะไม่รู้สึกกดดันมากนัก ในกรณีที่จะดำเนินมาตรการที่รุนแรง รวมถึงการทำสงคราม
นายชอน ยองอู อดีตหัวหน้าคณะตัวแทนของเกาหลีใต้ในการเจรจาลดอาวุธนิวเคลียร์ระหว่างประเทศกับเกาหลีเหนือกล่าวว่า "นายคิม จองอึน รู้ดีแก่ใจว่าหากมีการใช้อาวุธนิวเคลียร์ หรือมีสงครามเกิดขึ้น ก็จะเป็นจุดสิ้นสุดของระบอบการปกครองของเขา"
ด้านนาง อันวิตา บาซู หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ความเสี่ยงของยุโรปจากบีเอ็มไอ (BMI) และเป็นหนึ่งในนักเศรษฐศาสตร์ไม่กี่คนที่ติดตามเศรษฐกิจเกาหลีเหนือ ระบุว่า เมื่อพิจารณารวมกับการค้ากับจีนที่ขยายตัวขึ้นแล้ว เศรษฐกิจของเกาหลีเหนืออาจเติบโต 0.5% ในปีนี้ ซึ่งจะเป็นการเติบโตที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2559 ซึ่งเป็นช่วงที่องค์การสหประชาชาติ (UN) ดำเรมาตรการคว่ำบาตรที่เข้มงวดยิ่งขึ้นต่อเกาหลีเหนือ เนื่องจากโครงการนิวเคลียร์และโครงการอาวุธของนายคิม