สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทยเปิดเผยผ่านทางหน้าเพจเฟซบุ๊กเมื่อวันอาทิตย์ (28 ม.ค.) โดยระบุว่า นายหวัง อี้ได้พบปะหารือกับนายเจค ซัลลิแวน ผู้ช่วยประธานาธิบดีฝ่ายกิจการความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐที่จังหวัดกรุงเทพมหานครฯระหว่างวันที่ 26-27 ม.ค. โดยนายหวัง อี้แนะจีนและสหรัฐควรปฏิบัติต่อกันอย่างเท่าเทียมโดยไม่คิดว่าใครอยู่เหนือใครและอยู่ร่วมกันอย่างสันติ มีความร่วมมือแบบ win-win นอกจากนี้ นายหวัง อี้ยังย้ำว่า ประเด็นไต้หวันเป็นกิจการภายในของจีน การเลือกตั้งในพื้นที่ไต้หวันไม่อาจเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงพื้นฐานที่ว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนได้
ทั้งนี้ เนื้อความในประกาศของสถานเอกอัครราชทูตจีนในไทยระบุว่า "เมื่อวันที่ 26-27 มกราคม 2024 ตามเวลาท้องถิ่น นายหวัง อี้ สมาชิกคณะกรรมการประจำกรมการเมือง คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีนได้จัดการพบปะหารือรอบใหม่กับเจค ซัลลิแวน ผู้ช่วยประธานาธิบดีฝ่ายกิจการความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ ที่กรุงเทพมหานครฯ ทั้งสองฝ่ายได้สื่อสารเชิงกลยุทธ์อย่างตรงไปตรงมา มีสาระสำคัญ และเกิดผลเกี่ยวกับการดำเนินการตามฉันทามติของประมุขแห่งรัฐทั้งสองในการประชุมที่ซานฟรานซิสโก และจัดการประเด็นสำคัญและละเอียดอ่อนในความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ อย่างเหมาะสม
หวัง อี้กล่าวว่า ปีนี้เป็นวาระครบรอบ 45 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการฑูตระหว่างจีนและสหรัฐอเมริกา ทั้งสองฝ่ายควรใช้โอกาสนี้เพื่อสรุปประสบการณ์และถอดบทเรียน อีกทั้งปฏิบัติต่อกันอย่างเท่าเทียมโดยไม่คิดว่าใครอยู่เหนือใคร แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่างโดยไม่ตอกย้ำความเห็นต่าง เคารพกันอย่างแท้จริงโดยไม่ทำลายผลประโยชน์หลักของกันและกัน ร่วมใจตั้งมั่นอยู่บนความเคารพกันและกันและอยู่ร่วมกันอย่างสันติ มีความร่วมมือแบบ win-win สร้างความร่วมมือที่ถูกต้องสำหรับความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ
หวัง อี้เน้นย้ำว่า ประเด็นไต้หวันเป็นกิจการภายในของจีน การเลือกตั้งในพื้นที่ไต้หวันไม่อาจเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงพื้นฐานที่ว่าไต้หวันเป็นส่วนหนึ่งของจีนได้ ความสุ่มเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดต่อสันติภาพและเสถียรภาพทั่วช่องแคบไต้หวันคือ "เอกราชของไต้หวัน" และความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดต่อความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ ก็คือ "เอกราชของไต้หวัน" เช่นกัน สหรัฐฯ จะต้องปฏิบัติตามหลักการจีนเดียวและแถลงการณ์ร่วมสามข้อระหว่างจีน-สหรัฐฯ ต้องนำการไม่สนับสนุน "เอกราชของไต้หวัน" ไปสู่การปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม และสนับสนุนการรวมชาติอย่างสันติของจีน
หวัง อี้ชี้ให้เห็นว่า ทุกประเทศล้วนมีข้อกังวลด้านความมั่นคงของชาติ แต่จะต้องชอบธรรมและสมเหตุสมผล ไม่กระทำการใดที่เกินเลยทางการเมืองและทางความมั่นคง ยิ่งไปกว่านั้น ต้องไม่ฉวยโอกาสทำนองนี้เพื่อขัดขวางการพัฒนาของประเทศอื่น ทั้งสองฝ่ายตกลงจะหารือเกี่ยวกับขอบเขตระหว่างความมั่นคงกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มเติมอีกครั้ง
ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะร่วมกันปฏิบัติตาม "วิสัยทัศน์ซานฟรานซิสโก" โดยประมุขของทั้งสองประเทศจะรักษาการติดต่ออย่างสม่ำเสมอและให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์สำหรับความสัมพันธ์ทวิภาคี ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างจีนและสหรัฐฯ ในทุกสาขาและทุกระดับ ใช้ช่องทางการสื่อสารเชิงกลยุทธ์ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด รวมถึงช่องทางการสื่อสารด้านการทูต กลาโหม เศรษฐกิจ การเงิน ธุรกิจ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ฯลฯ เปิดการเจรจาหารือเกี่ยวกับหลักการชี้นำความสัมพันธ์จีน-สหรัฐฯ การจัดตั้งคณะทำงานร่วมจีน-สหรัฐฯ ว่าด้วยการต่อต้านยาเสพติด การจัดการประชุมกลไกการเจรจาระหว่างรัฐบาลจีน-สหรัฐฯ เกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ครั้งแรกในช่วงฤดูใบไม้ผลินี้ และดำเนินมาตรการเพิ่มเติมเพื่อขยายการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนและวัฒนธรรมของสองประเทศ
ทั้งสองฝ่ายยังได้หารือถึงเรื่องอื่น ๆ ในประเด็นระหว่างประเทศและภูมิภาค เช่น ตะวันออกกลาง ยูเครน คาบสมุทรเกาหลี และทะเลจีนใต้ เป็นต้น"