เอสแอนด์พี โกลบอล เรทติ้งส์ (S&P) เปิดเผยว่า S&P อาจจะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิสราเอล หากการสู้รบระหว่างกองทัพอิสราเอลและกลุ่มฮามาสซึ่งเป็นกลุ่มติดอาวุธในปาเลสไตน์ ขยายวงไปสู่แนวรบอื่น ๆ แต่หากสงครามไม่ขยายวงกว้างและหากรัฐบาลอิสราเอลมีการปรับงบประมาณเพื่อชดเชยการใช้จ่ายที่สูงขึ้นได้ ก็คาดว่าเศรษฐกิจอิสราเอลจะสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้
ในเดือนต.ค. 2566 S&P ได้คงอันดับความน่าเชื่อถือของอิสราเอลไว้ที่ "AA-" แต่ได้ปรับลดแนวโน้มความเชื่อถือของอิสราเอลลงสู่ระดับ "เชิงลบ" จาก "มีเสถียรภาพ" โดยระบุว่า ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและกลุ่มฮามาสมีแนวโน้มที่จะบานปลาย และส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระดับที่รุนแรงมากขึ้น
"แนวโน้มความน่าเชื่อถือเชิงลบหมายความว่า มีโอกาส 1 ใน 3 ที่ S&P จะปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิสราเอลในอีก 1-2 ปีข้างหน้า" นายแม็กซิม ริบนิคอฟ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ S&P เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์
นายริบนิคอฟกล่าวว่า หากความเสี่ยงด้านความมั่นคงและความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ของอิสราเอลทวีความรุนแรงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการปะทะกันโดยตรงกับกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนหรืออิหร่านก็ตาม อันดับความน่าเชื่อถือของอิสราเอลก็อาจจะถูกปรับลดลง
"เราอาจปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือของอิสราเอล หากความขัดแย้งมีผลกระบต่อต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ สถานะทางการเงิน และดุลการชำระเงินของอิสราเอลมากกว่าที่เราคาดการณ์ไว้" นายริบนิคอฟกล่าว
ทั้งนี้ นายริบนิคอฟกล่าวว่า S&P คาดการณ์เศรษฐกิจอิสราเอลจะขยายตัวเพียง 0.5% ในปี 2567 และยอดขาดดุลงบประมาณจะอยู่ที่ 10.5% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในช่วงปี 2566-2567