สถานเอกอัครราชทูตจีนในไทยโพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กเมื่อวันอังคาร (30 ม.ค.) เกี่ยวกับกรณีที่จีนและไทยร่วมกันลงนามข้อตกลงยกเว้นวีซ่าร่วมกัน โดยระบุว่า นายหวัง อี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีนได้แสดงความรู้สึกชื่นชมต่อมิตรภาพและความไว้วางใจซึ่งกันและกันระหว่างจีน-ไทย และทั้งสองประเทศจะเข้าสู่ "ยุคฟรีวีซ่า" เชื่อว่าจะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนระหว่างผู้คนจำนวนมากอีกครั้ง
เนื้อความในประกาศดังกล่าวระบุว่า "เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2567 ตามเวลาท้องถิ่น นายหวัง อี้ สมาชิกคณะกรรมการประจำกรมการเมือง คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีนร่วมกับนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยได้พบปะผู้สื่อข่าวภายหลังการประชุมหารือประจำปีร่วมกัน
หวัง อี้ กล่าวว่ารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้จัดการประชุมปรึกษาหารือประจำปีในช่วงต้นปีระหว่างรัฐมนตรีต่างประเทศของจีนและไทย โดยมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเชิงลึกและบรรลุฉันทามติหลายประการเกี่ยวกับการดำเนินการตามฉันทามติระหว่างประธานาธิบดีสี จิ้นผิงกับผู้นำไทย และส่งเสริมการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันระหว่างจีน-ไทย
เรารู้สึกชื่นชมอย่างมากต่อมิตรภาพและความไว้วางใจซึ่งกันและกันระหว่างจีน-ไทย ปีหน้าเป็นวาระครบรอบ 50 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีน-ไทย โดยในช่วงครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา ความสัมพันธ์จีน-ไทยได้ผ่านการทดสอบของมรสุมในเวทีระหว่างประเทศและมีความแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ จีนถือว่าไทยเป็นประเทศที่สำคัญเป็นอันดับแรกในด้านการทูตกับประเทศเพื่อนบ้านเสมอมา รู้สึกชื่นชมที่ไทยยึดมั่นในหลักการจีนเดียวอย่างมั่นคง และสนับสนุนอย่างแข็งขันต่อข้อริเริ่มระดับโลก 3 ประการที่เสนอโดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เราเพิ่งลงนามข้อตกลงยกเว้นวีซ่าร่วมกัน ทั้งสองประเทศจะเข้าสู่ "ยุคฟรีวีซ่า" เชื่อว่าจะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนระหว่างผู้คนจำนวนมากอีกครั้ง นักท่องเที่ยวชาวจีนที่มาเยือนประเทศไทยจะเพิ่มขึ้นสูงสุดอีกครั้งอย่างแน่นอน ขณะเดียวกัน เรายินดีต้อนรับเพื่อนชาวไทยให้มาเยือนและสัมผัสกับความมีชีวิตชีวาของแผ่นดินจีน ความอบอุ่นและมิตรภาพจากชาวจีน และความครึกครื้นหลากหลายของวิถีชีวิตชาวจีน "จีนไทยมิใช่อื่นไกล พี่น้องกัน" ประชาชนทั้งสองประเทศจะใกล้ชิดกันมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีชีวิตที่รุ่งเรืองยิ่ง ๆ ขึ้น
เราเชื่อว่าความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ร่วมกันระหว่างจีน-ไทยจะมีอนาคตที่สดใส จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดและเป็นแหล่งการลงทุนจากต่างประเทศรายใหญ่ที่สุดของไทย ทั้งสองประเทศกำลังเร่งฝีก้าวสู่ความทันสมัยและต้องก้าวให้ทันยุคสมัย อีกทั้งเปิดโอกาสใหม่ ๆ สำหรับความร่วมมือ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเร่งการก่อสร้างทางรถไฟจีน-ไทย พยายามสานต่อแนวคิดการพัฒนาการเชื่อมต่อจีน-ลาว-ไทยให้เกิดเป็นรูปธรรม และเปิดตัวเส้นทางตอนกลางของรถไฟสายแพนเอเชียโดยเร็วที่สุด จีนจะนำเข้าผลผลิตทางการเกษตรคุณภาพสูงจากไทยเพิ่มมากขึ้น สนับสนุนบริษัทจีนให้ลงทุนและเริ่มต้นธุรกิจในประเทศไทยมากขึ้น และบ่มเพาะจุดขยายตัวใหม่ ๆ อาทิเช่น ยานยนต์พลังงานใหม่ เศรษฐกิจดิจิทัล และการพัฒนาสีเขียว ทั้งสองฝ่ายควรเสริมสร้างความร่วมมือด้านการบังคับใช้กฎหมายและความมั่นคงและป้องกันการกระทำผิดทางอาญาข้ามพรมแดนอย่างเคร่งครัด เช่น การฉ้อโกงทางอิเล็กทรอนิกส์ การพนันออนไลน์ และการค้ายาเสพติด และจัดให้มีสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและสะดวกสบายสำหรับการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศ
เราต่างรอคอยที่จะเสริมสร้างความร่วมมือพหุภาคีให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น เมื่อเผชิญกับสภาพแวดล้อมที่วุ่นวายในเวทีระหว่างประเทศ ทั้งสองฝ่ายจะต้องปฏิบัติตามหลักห้าประการของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ ร่วมกันปกป้องสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาคซึ่งได้มาอย่างยากลำบาก และต่อต้านเกมผลรวมเป็นศูนย์และการเอาชนะกันอย่างเด็ดเดี่ยว ทั้งสองฝ่ายมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนแนวคิดพหุภาคีที่แท้จริงและภูมิภาคนิยมที่เปิดกว้าง เร่งสร้าง "บ้านน่าอยู่ร่วมกันห้าประการ" ร่วมกันของจีน-อาเซียน เร่งการปรึกษาหารือเกี่ยวกับ "หลักปฏิบัติทะเลจีนใต้" และร่วมกันปกป้องสถานะความเป็นศูนย์กลางของอาเซียน จีนสนับสนุนไทยในการเป็นประธานร่วมที่ดีของความร่วมมือล้านช้าง-แม่โขง และสร้างชุมชนแห่งอนาคตร่วมกันสำหรับกลุ่มประเทศล้านช้าง-แม่โขงที่มุ่งสู่สันติภาพและความเจริญรุ่งเรือง
หวัง อี้ เน้นย้ำว่า วาระครบรอบ 50 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีน-ไทยใกล้มาถึงแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองประเทศถือเป็นจุดเริ่มต้นครั้งใหม่ทางประวัติศาสตร์ จีนยินดีทำงานร่วมกับประเทศไทยและปฏิบัติตามฉันทามติที่สำคัญของผู้นำทั้งสองประเทศ เพื่อร่วมกันกระชับการสร้างชุมชนที่มีอนาคตร่วมกันระหว่างจีน-ไทยที่มีความมั่นคง เจริญรุ่งเรือง และยั่งยืนมากขึ้น เพื่อส่งต่อเสถียรภาพและความแน่นอนมากขึ้นสู่โลกที่กำลังวุ่นวาย