สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ตลอดระยะเวลา 24 ปี ที่นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ครองอำนาจอยู่ในทำเนียบเครมลินนั้น ฝ่ายที่คัดค้านรัฐบาลของเขาได้ถูกกำจัดไปเป็นจำนวนมาก โดยฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองหลายคนถูกจำคุก บ้างก็หลบหนีออกจากประเทศ และบางรายเสียชีวิตอย่างน่าสงสัย
แต่อย่างไรก็ตาม ภายใต้โครงสร้างการเมืองระบอบปูตินที่ดำเนินมาอย่างยาวนานนั้น การก้าวขึ้นมาท้าชิงตำแหน่งผู้นำประเทศโดยนายบอริส นาเดซดิน นักการเมืองขั้วตรงข้ามผู้วิจารณ์นายปูตินอย่างโจ่งแจ้ง นับเป็นความท้าทายที่คาดไม่ถึง
นายนาเดซดินประกาศลงสมัครท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีรัสเซียอย่างเป็นทางการเมื่อวันพุธ (31 ม.ค.) ที่ผ่านมา โดยนายนาเดซดินมีจุดยืนที่ชัดเจนในการเรียกร้องสันติภาพแก่ยูเครน มุ่งสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือที่ดีขึ้นระหว่างประเทศ รวมถึงการเลือกตั้งที่ยุติธรรม ตลอดจนความเป็นธรรมในภาคประชาสังคมและรัฐขนาดเล็ก
อย่างไรก็ดี ทำเนียบเครมลินไม่ได้เล็งเห็นว่านายเดซดินจะสร้างความเปลี่ยนแปลงในการเลือกตั้งได้ และมองว่าชัยชนะของนายปูตินนั้นเป็นสิ่งที่แน่นอนอยู่แล้ว โดยนายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีเมื่อวันพฤหัสบดี (1 ก.พ.) ว่า "เราไม่เห็นว่าจะมีการสนับสนุนมากมายมหาศาลใด ๆ ต่อนายนาเดซดินเลย"
ทั้งนี้ ข้อเท็จจริงที่ว่านายนาเดซดินประกาศลงเลือกตั้งด้วยความพยายามยืนหยัดต่อต้านสงคราม ก็ได้รับการสนับสนุนจากสาธารณชนในระดับหนึ่ง ซึ่งบ่งชี้ว่าประชาชนมีความสนใจต่อแนวคิดของเขา และนั่นอาจเป็นการสั่นคลอนรัฐบาลของนายปูติน ที่ซึ่งเดิมพันทุกสิ่งเพื่อให้ได้ชัยชนะเหนือยูเครน