นายโดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐ วางแผนที่จะยกระดับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนให้ดุเดือดยิ่งขึ้น หากเขาชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย.นี้
นายทรัมป์ให้สัมภาษณ์เมื่อวันอาทิตย์ (4 ก.พ.) ว่า เขาวางแผนว่าจะกำหนดอัตราภาษีศุลกากรที่ระดับ 60% หรือสูงกว่านั้น สำหรับสินค้าที่นำเข้าจากจีน หากเขาได้กลับคืนสู่ทำเนียบขาวอีกครั้ง
"เราจำเป็นต้องทำเช่นนั้น" นายทรัมป์ให้สัมภาษณ์กับรายการซันเดย์ มอร์นิง ฟิวเจอร์ส ทางสถานีโทรทัศน์ฟ็อกซ์นิวส์
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า นอกเหนือจากจีนแล้ว นายทรัมป์ยังเตรียมกำหนดอัตราภาษีศุลกากร 10% สำหรับสินค้าจากทุกประเทศที่นำเข้ามาในสหรัฐ แม้ว่าจะมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางเกี่ยวกับผลกระทบในแง่ลบต่อผู้บริโภคก็ตาม
นางนิกกี เฮลีย์ อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ ซึ่งเป็นคู่แข่งเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของนายทรัมป์ ในการชิงตำแหน่งตัวแทนพรรครีพับลิกันลงสู้ศึกเลือกตั้งปธน. ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายของนายทรัมป์ โดยชี้ถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับผู้บริโภคชาวอเมริกัน
"สิ่งที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังจะทำก็คือ การทำให้ค่าใช้จ่ายของทุกครัวเรือนเพิ่มขึ้น 2,600 ดอลลาร์ต่อปี" นางเฮลีย์ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซีเอ็นบีซีเมื่อเดือนม.ค. โดยอ้างอิงข้อมูลจากสหภาพผู้เสียภาษีแห่งชาติ ซึ่งมีแนวคิดอนุรักษ์นิยมทางการเงิน
การที่นางเฮลีย์ไม่เห็นด้วยกับนโยบายของนายทรัมป์ได้สะท้อนให้เห็นถึงความของกังวลของนักลงทุนในตลาด ซึ่งหวั่นวิตกว่าการก่อสงครามการค้ากับจีนอีกครั้งจะทำให้ตลาดได้รับผลกระทบอีก
รายงานจากอเมริกัน แอคชัน ฟอรัม (American Action Forum) สถาบันคลังสมองที่มีแนวคิดเชิงอนุรักษ์นิยม พบว่า สงครามการค้าระหว่างนายทรัมป์กับจีนได้สร้างความเสียหายให้กับชาวอเมริกันประมาณ 1.95 แสนล้านดอลลาร์นับตั้งแต่ปี 2561 นอกจากนี้ ความขัดแย้งทางเศรษฐกิจยังส่งผลให้มีการสูญเสียตำแหน่งงานในสหรัฐมากกว่า 245,000 ตำแหน่ง