สำนักข่าวบีบีซีรายงานในวันนี้ (5 ก.พ.) ว่า บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จีนบางรายต้องติดตั้งอุปกรณ์ตรวจสอบในโครงการของตน ภายใต้มาตรการอย่างเป็นทางการซึ่งมีผลบังคับใช้ในเดือนนี้
รายงานระบุว่า กฎระเบียบดังกล่าวมีผลบังคับใช้กับบริษัทที่ได้รับเงินทุนจากรัฐบาลจีนอย่างน้อย 30 ล้านหยวน (4.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยทางการจีนเริ่มบังคับใช้กฎระเบียบดังกล่าวในขณะที่ทางการจีนต้องการส่งเสริมเสริมอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญวิกฤตของจีน
ในเดือนม.ค. กระทรวงที่อยู่อาศัยและพัฒนาตัวเมืองกับชนบทจีนกล่าวว่า จะมอบสินเชื่อช่วยเหลือเพิ่มเติมแก่บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังเผชิญกับหนี้สินและอุปสงค์ที่ชะลอตัว
นอกจากนี้ คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ (NDRC) ได้ประกาศกฎการเฝ้าติดตามฉบับใหม่ในเดือนม.ค. โดยระบุในแถลงการณ์ว่า การดำเนินการดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อ "ควบคุมการดำเนินโครงการและการใช้เงินทุน"
"มาตรการเหล่านี้มีความสำคัญในการเสริมสร้างการกำกับดูแลการลงทุน... และยกระดับประสิทธิภาพการลงทุนของรัฐบาลจีน" รายงานกล่าวเสริม
นายเบน ฮาร์เบิร์ก หุ้นส่วนผู้จัดการบริษัทการลงทุนเอ็มเอสเอ แคปิตอล (MSA Capital) ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบีบีซีว่า กฎระเบียบดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามของรัฐบาลจีนเพื่อรับรองว่า "เงินทุนที่ใช้เพื่อหนุนบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่กำลังประสบปัญหานั้นจะถูกนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ที่ตั้งใจไว้"
"บรรดาบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของจีนได้ละเมิดความไว้วางใจของรัฐบาลจีนในอดีตด้วยการนำเงินทุนที่จัดสรรไว้สำหรับโครงการไปจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้หรือแม้แต่ใช้จ่ายส่วนตัว" นายฮาร์เบิร์กกล่าวเสริม
รายงานระบุว่า ภายใต้มาตรการดังกล่าว อุปกรณ์รักษาความปลอดภัย รวมถึงกล้องวงจรปิด โดรน หรือแม้แต่อุปกรณ์ดาวเทียม จะต้องถูกนำมาใช้เพื่อติดตามโครงการ หากเงื่อนไขเอื้ออำนวย