วุฒิสภาสหรัฐมีมติผ่านการพิจารณาร่างกฎหมายวงเงิน 9.534 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในวันพฤหัสบดี (8 ก.พ.) ซึ่งครอบคลุมการช่วยเหลือยูเครน อิสราเอล และไต้หวัน หลังจากที่วุฒิสมาชิกพรรครีพับลิกันขัดขวางร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งรวมถึงการเปลี่ยนแปลงด้านการตรวจคนเข้าเมืองที่มีการเรียกร้องกันมายาวนาน
วุฒิสภาสหรัฐสนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าวด้วยคะแนนเสียง 67 ต่อ 32 เสียง ซึ่งเกินเกณฑ์ 60 เสียงเพื่อรับร่างกฎหมายดังกล่าว โดยมีวุฒิสมาชิกจากพรรครีพับลิกัน 17 คนที่เห็นชอบกับร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งนับเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าประหลาดใจ หลังจากที่พวกเขาคัดค้านร่างกฎหมายดังกล่าวเมื่อวันพุธ (7 ก.พ.)
นายชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างมากของวุฒิสภาสหรัฐสังกัดพรรคเดโมแครตกล่าวภายหลังการลงมติของวุฒิสภาว่า "นี่เป็นก้าวแรกที่ดี ร่างกฎหมายนี้มีความสำคัญต่อความมั่นคงของประเทศชาติของเรา ต่อความมั่นคงของสหายของเราในยูเครน อิสราเอล และความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมแก่พลเรือนผู้บริสุทธิ์ในฉนวนกาซา รวมถึงไต้หวันด้วย"
อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีกำหนดการที่ชัดเจนว่า วุฒิสภาจะพิจารณาในวาระสุดท้ายเมื่อใด ขณะที่สมาชิกวุฒิสภาบางคนกล่าวว่า พวกเขาคาดว่าจะเข้าร่วมในการประชุมในช่วงสุดสัปดาห์หากจำเป็น
"เราจะเดินหน้าดำเนินการเกี่ยวกับร่างกฎหมายนี้ต่อไปจนกว่าจะลุล่วง" นายชูเมอร์กล่าว
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า วุฒิสภาซึ่งนำโดยพรรคเดโมแครตเสนอร่างกฎหมายความช่วยเหลือด้านความมั่นคงดังกล่าว หลังจากที่พรรครีพับลิกันตีตกมาตรการด้านชายแดน ซึ่งครอบคลุมการปฏิรูปกฎหมายความมั่นคงชายแดนและการตรวจคนเข้าเมืองที่วุฒิสมาชิกทั้งสองฝ่ายต่างหารือกันมานานหลายเดือน
ทั้งนี้ ร่างกฎหมายการให้ความช่วยเหลือด้านความมั่นคงดังกล่าว รวมถึงการสนับสนุนวงเงิน 6.1 หมื่นล้านดอลลาร์ให้แก่ยูเครนในการทำสงครามกับรัสเซีย, 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ให้กับอิสราเอลในการทำสงครามกับกลุ่มติดอาวุธฮามาส และ 4.83 พันล้านดอลลาร์เพื่อสนับสนุนพันธมิตรของสหรัฐในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกซึ่งรวมถึงไต้หวัน และป้องกันการรุกรานจากจีน
นอกจากนี้ ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวจะมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมจำนวน 9.15 พันล้านดอลลาร์ให้แก่พลเรือนในฉนวนกาซาและเวสต์แบงก์ ยูเครน และประชากรในพื้นที่ความขัดแย้งอื่น ๆ ทั่วโลก