ทีมหาเสียงเลือกตั้งของประธานาธิบดีโจ ไบเดน เปิดตัวบัญชีติ๊กต๊อก (TikTok) ของตัวเองอย่างเป็นทางการที่มาพร้อมกับชื่อ @bidenhq เมื่อวานนี้ (11 ก.พ.) ในช่วงเทศกาลตรุษจีนในจีนและการแข่งขันซูเปอร์โบวล์ (Super Bowl) ครั้งที่ 58 ในสหรัฐ แม้แอปดังกล่าวยังคงถูกแบนในอุปกรณ์เกือบทั้งหมดของรัฐก็ตาม
สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า ในช่วงปลายปี 2565 ปธน.ไบเดนได้ลงนามในกฎหมายห้ามใช้ติ๊กต๊อกบนอุปกรณ์ของรัฐบาล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของร่างกฎหมายงบประมาณขนาดใหญ่ และนับเป็นชัยชนะสำคัญของสมาชิกสภาที่เพ่งเล็งจีนเป็นพิเศษ
ทั้งนี้ รัฐต่าง ๆ และนิวยอร์กซิตีต่างปฏิบัติตามร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวโดยลบติ๊กต๊อกออกจากอุปกรณ์ของรัฐ ด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง
ขณะเดียวกัน นายเจฟฟรีย์ ยาส มหาเศรษฐีผู้ร่วมก่อตั้งของบริษัทซัสควีแฮนนา อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป หนึ่งในนักลงทุนภายนอกรายใหญ่ที่สุดของติ๊กต๊อก ได้บริจาคเงินหลายล้านดอลลาร์ให้กับสมาชิกสภานิติบัญญัติที่ต้องการสกัดกั้นการแบนดังกล่าว
สมาชิกสภาฝ่ายนิติบัญญัติสหรัฐหลายคนกล่าวโทษติ๊กต๊อกและแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่น ๆ ว่า เผยแพร่คอนเทนต์ออนไลน์ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพจิตของเด็กและล้มเหลวในการปกป้องเด็กบนโลกออนไลน์
ทั้งนี้ ทีมหาเสียงของปธน.ไบเดนกล่าวกับสำนักข่าวเอ็นบีซี นิวส์ว่า บัญชีติ๊กต๊อกเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการเข้าถึงผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง
ข้อมูลจากศูนย์วิจัยพิว (Pew Research) ที่เผยแพร่ในช่วงปลายปี 2566 ระบุว่า แอปนี้ยังคงมีความสำคัญกับคนอายุน้อย รวมถึงผู้ที่มีอายุถึงเกณฑ์ในการเลือกตั้งในสหรัฐ โดยประมาณ 1 ใน 3 ของผู้ที่มีอายุ 18-29 ปีในสหรัฐระบุว่า พวกเขาติดตามข่าวสารบนติ๊กต๊อกเป็นประจำ ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงยิ่งกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
อนึ่ง การออกกฎระเบียบที่เข้มงวดยิ่งขึ้นกับบริษัทโซเชียลมีเดีย เช่น ติ๊กต๊อก, เมตา, สแนป, ดิสคอร์ด และเอ็กซ์ (ทวิตเตอร์) ถือเป็นประเด็นที่ทั้งพรรครัฐบาลและพรรคฝ่ายค้านต่างก็เห็นชอบระหว่างการพิจารณาของวุฒิสภาในเรื่องความปลอดภัยของเด็กเมื่อเดือนที่แล้ว