องค์การสหประชาชาติ (UN) ได้ออกมาเตือนเมื่อวานนี้ (13 ก.พ.) เกี่ยวกับการที่อิสราเอลจะบุกโจมตีภาคพื้นดินเมืองราฟาห์ในฉนวนกาซา โดยระบุว่าการรุกรานดังกล่าวอาจจะนำไปสู่การสังหารหมู่ในเมืองราฟาห์ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของฉนวนกาซาซึ่งมีประชาชนมากกว่า 1 ล้านคนอาศัยอยู่
อิสราเอลระบุว่าต้องการขับไล่กลุ่มติดอาวุธฮามาสออกจากที่ซ่อนในเมืองราฟาห์ และปล่อยตัวประกันชาวอิสราเอลที่ถูกควบคุมตัวอยู่ที่นั่น รวมถึงกำลังวางแผนอพยพพลเรือนชาวปาเลสไตน์ที่ติดอยู่ในพื้นที่
นายมาร์ติน กริฟฟิธส์ หัวหน้าหน่วยช่วยเหลือของ UN กล่าวว่า "ปฏิบัติการทางทหารในเมืองราฟาห์อาจนำไปสู่การสังหารหมู่ในฉนวนกาซา และอาจส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความพยายามด้านมนุษยธรรมที่เปราะบางอยู่แล้ว เนื่องจากการรับประกันความปลอดภัย, อุปกรณ์ช่วยเหลือ และความสามารถของเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอที่จะรองรับปฏิบัติการดังกล่าว ซึ่งทางประชาคมระหว่างประเทศได้เตือนอยู่บ่อยครั้งถึงผลกระทบร้ายแรงจากการรุกรานภาคพื้นดินในเมืองราฟาห์ โดยรัฐบาลอิสราเอลไม่สามารถเพิกเฉยต่อคำเตือนเหล่านี้อีกต่อไปแล้ว"
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การเจรจาระหว่างสหรัฐ, อียิปต์, อิสราเอล และกาตาร์เกี่ยวกับการหยุดยิงในฉนวนกาซาสิ้นสุดลงเมื่อวานนี้โดยไม่มีความคืบหน้า แต่มีการเรียกร้องให้อิสราเอลพิจารณาระงับการโจมตีเมืองราฟาห์ไว้ก่อน
นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการ UN กล่าวว่า "ผมมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าให้การเจรจาครั้งนี้ประสบผลสำเร็จ โดยมีเป้าหมายเพื่อปล่อยตัวประกัน และบรรลุข้อตกลงหยุดยิง เพื่อไม่ให้เกิดการโจมตีเต็มรูปแบบในเมืองราฟาห์ เพราะจะส่งผลกระทบที่ร้ายแรงอย่างมากตามมา"