พรรคคองเกรส ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านหลักของอินเดีย ออกมาเปิดเผยในวันนี้ (16 ก.พ.) ว่าโดนกรมสรรพากรอินเดียอายัดบัญชีธนาคารของพรรคฯ ที่มีเงินฝากอยู่ถึง 2.1 พันล้านรูปี (25.3 ล้านดอลลาร์) ในช่วงไม่กี่เดือนก่อนที่อินเดียจะมีการเลือกตั้งระดับชาติ
พรรคคองเกรสออกมาเรียกการกระทำของสรรพากรครั้งนี้ว่าเป็น "การทำลายระบอบประชาธิปไตยของอินเดียอย่างลึกซึ้ง" พร้อมเสริมว่า ตอนนี้ทางศาลภาษีเงินได้อนุญาตให้พรรคฯ สามารถเบิกจ่ายจากบัญชีที่โดนอายัดไว้ได้บางส่วนจนถึงวันที่ 21 ก.พ.นี้ ซึ่งจะเป็นวันพิจารณาคดี
นายอาเจย์ มาเกน เหรัญญิกพรรคคองเกรส แถลงต่อสื่อมวลชนว่า ทางพรรคฯ ได้ยื่นฟ้องร้องต่อกรมสรรพากรเรียบร้อยแล้ว หลังจากที่สรรพากรสั่งให้ธนาคารต่าง ๆ อายัดเงินในบัญชีของพรรคฯ
"เราได้รับข้อมูลเมื่อ 2 วันก่อนว่า เช็คที่เราออกให้นั้นถูกธนาคารปฏิเสธไม่ยอมขึ้นเงิน... ตอนนี้เราไม่มีเงินจ่ายค่าไฟ หรือแม้แต่จ่ายเงินเดือนพนักงานด้วยซ้ำ" นายมาเกนระบุ
นายมาเกนกล่าวว่า เงินจำนวน 2.1 พันล้านรูปีที่ถูกกรมสรรพากรอายัดนั้นเป็นเงินที่พรรคฯ ระดมทุนจากประชาชนและจากค่าสมาชิกพรรคฯ โดยข้อพิพาทของพรรคฯ กับกรมสรรพากรนั้นเป็นปมปัญหาที่มีมาตั้งแต่ปี 2561-2562
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า คำสั่งอายัดบัญชีจากกรมสรรพากรเกิดขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์ก่อนที่จะมีการประกาศวันเลือกตั้งใหญ่ทั่วประเทศ ซึ่งจะต้องจัดขึ้นภายในเดือนพ.ค.นี้
พรรคคองเกรส ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นพรรคที่มีอิทธิพลมากที่สุดของอินเดีย ได้ตกต่ำลงถึงขีดสุดทั้งในระดับรัฐสภาและอีกหลายรัฐ หลังโดนพรรคภารติยชนตาของนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ชนะการเลือกตั้งแบบถล่มทลายในปี 2557
นายมัลลิการ์ชุน คาร์เก ประธานพรรคคองเกรส โพสต์ผ่านเอ็กซ์ (ทวิตเตอร์) ว่า "รัฐบาลโมดีบ้าอำนาจได้อายัดบัญชีของพรรคฝ่ายค้านที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ เราขอเรียกร้องให้ฝ่ายตุลาการเข้ามากอบกู้ระบบหลายพรรคการเมืองของประเทศนี้และปกป้องประชาธิปไตยของอินเดียเอาไว้"
ทั้งนี้ ไม่มีความเห็นจากรัฐบาลหรือพรรคภารติยชนตาของนายโมดีต่อประเด็นนี้แต่อย่างใด
ผลสำรวจหลายสำนักชี้ว่า นายโมดีจะคว้าชัยในการเลือกตั้งครั้งหน้าได้อย่างง่ายดาย และจะเป็นเพียงไม่กี่คนที่ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเป็นสมัยที่สาม ขณะที่พรรคคองเกรสมีแนวโน้มว่าจะทำผลงานในสนามเลือกตั้งได้ดีขึ้นเล็กน้อย