สำนักนายกรัฐมนตรีของนายเบนจามิน เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอล ประกาศเมื่อวันจันทร์ (19 ก.พ.) ว่า อิสราเอลจะอนุญาตให้ชาวมุสลิมสามารถเข้าละหมาดในมัสยิดอัล-อักซอ ของกรุงเยรูซาเล็ม ในเดือนรอมฏอนที่จะเริ่มต้นในช่วงกลางเดือนมี.ค.ได้ แต่จะมีข้อจำกัด ตามข้อกำหนดด้านความปลอดภัย
ด้านกลุ่มฮามาสได้ออกมาวิจารณ์ข้อจำกัดของอิสราเอล ขณะที่สภาอิสลามปาเลสไตน์ได้เรียกร้องให้ชาวมุสลิมทุกคนเดินทางไปยังมัสยิดอัล-อักซอ โดยไม่ต้องคำนึงถึงข้อจำกัด
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า มัสยิดอัล-อักซอ คือหนึ่งในศาสนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดสำหรับชาวมุสลิมทั่วโลก ตั้งอยู่บนยอดเขาในเขตนครเก่าของกรุงเยรูซาเล็มซึ่งเป็นพื้นที่ที่ชาวยิวให้ความเคารพเป็นอย่างสูง เนื่องจากเขตนครเก่าเป็นที่ตั้งของวิหารโบราณตั้งแต่สมัยพระคัมภีร์
ข้อกำจัดในการเข้ามัสยิดอัล-อักซอ ได้ก่อให้เกิดความขัดแย้งหลายต่อหลายครั้ง โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ ทางศาสนา รวมถึงเดือนรอมฏอน ซึ่งปีนี้เริ่มประมาณวันที่ 10 มี.ค. โดยก่อนหน้านี้อิสราเอลเคยตั้งข้อจำกัดมาก่อนแล้ว และมักห้ามมิให้ชายหนุ่มชาวมุสลิมเข้ามัสยิดอัล-อักซอ ซึ่งอ้างว่าเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรง
เมื่อถูกถามว่ามีความเป็นไปได้ที่จะกีดกันไม่ให้ชาวอิสราเอลที่เป็นมุสลิมเข้ามัสยิดอัล-อักซอหรือไม่นั้น สำนักนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูกล่าวว่า "นายกรัฐมนตรีได้ตัดสินใจอย่างยุติธรรมที่จะอนุญาตให้มีเสรีภาพในการเข้าสักการะ ภายใต้ข้อกำจัดด้านความปลอดภัยซึ่งกำหนดโดยผู้เชี่ยวชาญ"
นายอิตามาร์ เบน กวีร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งชาติอิสราเอล และหัวหน้าพรรคร่วมยิวแห่งชาติ (Jewish National Front) ซึ่งเป็นพรรคการเมืองฝ่ายขวาจัดของอิสราเอล กล่าวว่า บรรดาผู้ที่เกลียดชังอิสราเอลจะฉวยโอกาสใช้ช่วงเทศกาลในการแสดงการสนับสนุนการปกครองของกลุ่มฮามาส และปลุกระดมให้เกิดความรุนแรง
ทั้งนี้ มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นที่มัสยิดอัล-อักซอหลายครั้งในปี 2564 และปี 2565 นอกจากนี้แล้ว ในเดือนเม.ย. 2566 ก็เกิดเหตุปะทะกันระหว่างตำรวจอิสราเอลและชาวปาเลสไตน์ในช่วงเทศกาลรอมฎอน