ออสเตรเลียประกาศในวันนี้ (20 ก.พ.) ว่า มีแผนจะเพิ่มงบประมาณด้านกลาโหมอีก 1.11 หมื่นล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (7.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในช่วงทศวรรษหน้า เพื่อเพิ่มจำนวนเรือรบอีกเท่าตัวจาก 11 ลำ เป็น 26 ลำ โดยจะจัดซื้อเรือรบแบบที่ไม่จำเป็นต้องมีคนขับ 6 ลำ และเรือฟริเกตอเนกประสงค์ 11 ลำ ถือเป็นการขยายแสนยานุภาพของกองทัพเรือครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง
นายริชาร์ด มาร์เลส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมออสเตรเลีย กล่าวว่าแรงจูงใจในการขยายขนาดกองทัพเรือมาจากสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ไม่แน่นอนและความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้น "นั่นคือสิ่งที่เรากำลังวางแผน และนั่นคือสิ่งที่เรากำลังสร้าง"
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัฐบาลออสเตรเลียตั้งเป้าที่จะเร่งโครงการจัดหาเรือฟริเกตอเนกประสงค์มาแทนที่เรือฟริเกตชั้น ANZAC ที่เก่าแล้ว โดย 3 ลำแรกจะประกอบขึ้นที่ต่างประเทศและคาดว่าจะพร้อมใช้งานภายในปี 2573
นอกจากนี้ รัฐบาลยังจะซื้อเรือผิวน้ำขนาดใหญ่รองรับแบบทั้งที่มีและไม่มีคนขับ (Large Optionally-Crewed Surface Vessels - LOSV) ที่สามารถควบคุมจากระยะไกลได้และพัฒนาโดยสหรัฐ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการโจมตีระยะไกล โดยคาดว่าจะเริ่มได้ใช้งานช่วงประมาณปี 2578
การลงทุนนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ออสเตรเลียออกรายงานทบทวนยุทธศาสตร์กลาโหมประจำปี 2566 ซึ่งชี้ว่า การแข่งขันระหว่างสหรัฐกับจีนในภูมิภาคแปซิฟิกเพิ่มสูงขึ้น การที่จีนมีอิทธิพลเพิ่มขึ้นต่อบรรดาประเทศหมู่เกาะแปซิฟิกทำให้ออสเตรเลียกังวลและหันมามุ่งเน้นเรื่องเตรียมความพร้อมทางการทหารมากขึ้น