สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานในวันนี้ (28 ก.พ.) ว่า ระยะเวลาสำหรับการปรึกษาหารือสาธารณะเกี่ยวกับร่างกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ของฮ่องกงได้สิ้นสุดลงแล้วในวันนี้ ท่ามกลางความวิตกกังวลว่า กฎหมายดังกล่าวซึ่งทางการต้องการบังคับใช้ในเร็ว ๆ นี้ จะยิ่งลดทอนเสรีภาพของชาวฮ่องกงมากขึ้น
ร่างกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ ซึ่งเป็นที่รู้จักในชื่อมาตรา 23 มีเป้าหมายเพื่อจัดการกับข้อบกพร่องหรือช่องโหว่ในกรอบความมั่นคงแห่งชาติ เพิ่มเติมจากกฎหมายความมั่นคงอีกฉบับที่จีนบังคับใช้โดยตรงเมื่อ 4 ปีที่แล้ว
ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวมุ่งเป้าไปที่อาชญากรรมต่าง ๆ รวมถึง การกบฏ การขโมยความลับของราชการ การโจรกรรม การก่อวินาศกรรม และการแทรกแซงจากภายนอก ซึ่งหมายถึงรัฐบาลต่างชาติ โดยหลายฝ่ายคาดการณ์ว่า สภานิติบัญญัติฮ่องกง ซึ่งมีสมาชิกส่วนใหญ่เป็นผู้สนับสนุนจีนแผ่นดินใหญ่ จะให้การรับรองร่างกฎหมายฉบับนี้
ทั้งนี้ ร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวมีขึ้นหลังจากที่ฮ่องกงพยายามจะกอบกู้ภาพลักษณ์และเศรษฐกิจ หลังเผชิญเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากนานาชาติจากกรณีการปราบปรามเสรีภาพและผู้เห็นต่างซึ่งนำโดยจีน ซึ่งส่งผลให้บรรดานักการเมืองและนักเคลื่อนไหวฝ่ายประชาธิปไตยจำนวนมากต้องเข้าคุกหรือลี้ภัยออกจากดินแดน
นักกฎหมายและนักเคลื่อนไหวหลายคนระบุว่า กฎหมายดังกล่าวทำให้สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน อาทิ เสรีภาพในการแสดงออก มีความผิดโทษทางอาญา
กลุ่มประชาสังคม 80 กลุ่ม รวมถึง ฮ่องกง วอทช์ (Hong Kong Watch) ร่วมกันระบุในจดหมายเปิดผนึกว่า "ข้อกฎหมายที่ได้รับการนำเสนอมานั้นมีความไม่ชัดเจนและทำให้การใช้สิทธิมนุษยชนอย่างสันติของประชาชนมีความผิดทางอาญา ซึ่งรวมถึง สิทธิที่จะมีเสรีภาพในการรวมกลุ่ม การชุมนุม การแสดงออก และเสรีภาพของสื่อมวลชน"
อย่างไรก็ตาม ทางการฮ่องกงระบุว่า กฎหมายฉบับใหม่นี้มีความจำเป็น เนื่องจากภัยคุกคามจากกองกำลังภายนอกและการก่อการร้ายในท้องถิ่นยังคงมีอยู่ และเสริมว่า ความมั่นคงของชาติเป็นความต้องการพื้นฐานที่จำเป็นต่อความอยู่รอดและการพัฒนาของรัฐ