นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ระบุว่า จีนหวังที่จะเป็นกระบอกเสียงให้ประเทศที่กำลังพัฒนา โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศในแถบแอฟริกา เพื่อส่งเสริมให้จีนเป็นผู้นำที่ประเทศเหล่านี้พึ่งพาได้
ตามการรายงานของสำนักข่าวซินหัวเมื่อวานนี้ (28 ก.พ.) นายสีได้พูดคุยกับนายจูเลียส มาดา บิโอ ประธานาธิบดีเซียร์ราลีโอน ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างเยือนกรุงปักกิ่ง โดยกล่าวว่า "จีนมองว่าความสามัคคีและความร่วมมือกับชาติแอฟริกา เป็นเสาหลักสำคัญของนโยบายต่างประเทศของเรา"
นายสีเห็นว่าทั้งจีนและเซียร์ราลีโอนควรส่งเสริมการประสานงานในคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) และร่วมกันปกป้องผลประโยชน์ของแอฟริกาและประเทศกำลังพัฒนา
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า จีนได้เพิ่มความพยายามในการดึงดูดประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ในแถบโลกใต้ (Global South) ซึ่งหมายถึงประเทศในแถบอเมริกาใต้ แอฟริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นอกจากนี้ นายสียังได้วางกรอบโครงการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI) ให้เข้ามามีอิทธิพลทัดเทียมสหรัฐ พร้อมผลักดันให้ขยายกลุ่มบริกส์ (BRICS) และวางตำแหน่งจีนในฐานะผู้สร้างสันติภาพระหว่างความขัดแย้งในภูมิภาคต่าง ๆ เช่น ในยูเครน และในฉนวนกาซา
ทั้งนี้ นายสีได้วิพากษ์วิจารณ์การคว่ำบาตร การแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์ และการเมืองแบบรวมตัวเป็นกลุ่มก้อน (Bloc Politics) แม้ว่านายสีจะไม่ได้ระบุชื่อประเทศใด ๆ ก็ตาม แต่ก็เป็นที่เห็นได้ชัดเจนว่าเป็นการวิจารณ์สหรัฐ ซึ่งทางสหรัฐมองว่าเป็นการลดความเสี่ยง แต่จีนมองว่าเป็นความพยายามที่จะขัดขวางอำนาจที่เพิ่มขึ้นของจีน
จีนพยายามปลูกฝังอิทธิพลในหมู่ชาติแอฟริกามานานหลายสิบปี และมองว่าโครงการทางรถไฟและโครงการอื่น ๆ ที่บริษัทจีนสร้างนั้นเป็นประโยชน์ต่อทวีปแอฟริกา อย่างไรก็ตาม สหรัฐได้วิพากษ์วิจารณ์แนวปฏิบัติในการปล่อยสินเชื่อของจีน โดยโต้แย้งว่าการที่จีนให้ประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่กู้ยืมเงินอาจทำให้ประเทศเหล่านั้นติดหนี้ได้