ทั่วโลกจับตาศึกเลือกตั้ง "ซูเปอร์ทิวส์เดย์" (Super Tuesday) ในวันพรุ่งนี้ (5 มี.ค.) ซึ่งจะบ่งชี้ว่าคู่ชิงในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย.จะเป็นประธานาธิบดีโจ ไบเดน และอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ตามที่มีการคาดหมายไว้หรือไม่
ทั้งนี้ สหรัฐจะจัดการเลือกตั้งขั้นต้น (Primary Election) จำนวน 15 รัฐ และ 1 ดินแดนคืออเมริกันซามัวในวันที่ 5 มี.ค. ซึ่งแทบจะชี้ขาดว่าใครจะเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันในการสู้ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือนพ.ย.ปีนี้
ผลการเลือกตั้งขั้นต้นในช่วงที่ผ่านมา ประธานาธิบดีโจ ไบเดน และอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ต่างก็มีคะแนนนำในพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน
หากท้ายที่สุด ปธน.ไบเดนและนายทรัมป์ต่างประสบความสำเร็จในการได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตและรีพับลิกันในการสู้ศึกเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐในวันที่ 5 พ.ย.2567 ก็จะถือเป็นการรีแมตช์คู่ชิงประธานาธิบดีในปี 2563 และเป็นการแก้มือของนายทรัมป์ ซึ่งแม้จะเพลี่ยงพล้ำพ่ายแพ้การเลือกตั้งก่อนหน้านี้ แต่คาดว่าเขายังคงมีฐานเสียงจำนวนมากที่ยังคงจงรักภักดีและพร้อมที่จะสนับสนุนให้เขากลับเข้าทำเนียบขาวอีกครั้ง
หากปธน.ไบเดนประสบชัยชนะในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปีนี้ และได้ครองทำเนียบขาวต่ออีก 4 ปี ก็จะทำให้เขามีอายุ 86 ปีขณะสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 มากกว่าอดีตประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกนที่มีอายุ 77 ปีขณะสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งสมัยที่ 2 ในปี 2532
ด้านประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย กล่าวก่อนหน้านี้ว่า เขาต้องการให้ปธน.ไบเดนชนะการเลือกตั้ง มากกว่านายทรัมป์ แต่เขาก็พร้อมที่จะร่วมงานกับผู้นำสหรัฐทุกคน ไม่ว่าใครจะได้ชัยชนะ
"ผมหวังให้ไบเดนชนะ เพราะเขามีประสบการณ์มากกว่า เป็นคนที่คาดเดาได้ และเป็นนักการเมืองซึ่งมีแนวคิดอนุรักษ์นิยม แต่เราก็พร้อมที่จะร่วมงานกับประธานาธิบดีสหรัฐทุกคนที่ชาวอเมริกันไว้วางใจ" ปธน.ปูตินกล่าว