สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะเร่งลงมติในสัปดาห์หน้าสำหรับร่างกฎหมายที่จะแบนติ๊กต๊อก (TikTok) หากไบต์แดนซ์ (ByteDance) ของจีนซึ่งเป็นบริษัทแม่ไม่ยอมขายกิจการติ๊กต๊อกภายในระยะเวลา 6 เดือน หลังจากคณะกรรมการด้านพลังงานและการพาณิชย์ของสภาผู้แทนฯ มีมติเป็นเอกฉันท์ด้วยคะแนนเสียง 50 ต่อ 0 ในการอนุมัติมาตรการดังกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดี (7 มี.ค.)
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การดำเนินการดังกล่าวนับเป็นความพยายามล่าสุดของสหรัฐในการปราบปรามติ๊กต๊อก ซึ่งมีผู้ใช้ชาวอเมริกันมากกว่า 170 ล้านคน ขณะที่อดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็เคยพยายามแบนแอปพลิเคชันดังกล่าว แต่ไม่ประสบผลสำเร็จในปี 2563
ความพยายามก่อนหน้านี้ในการปราบปรามติ๊กต๊อกต้องหยุดชะงักไปเมื่อปีที่ผ่านมา เนื่องจากติ๊กต๊อกเดินหน้าล็อบบี้รัฐบาลสหรัฐอย่างหนักให้อนุญาตใช้แอปดังกล่าวในสหรัฐ
นายสตีฟ สกาลีส ผู้นำเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรกล่าวผ่านทางเอ็กซ์ว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจะลงมติในสัปดาห์หน้าเพื่อ "บังคับให้ติ๊กต๊อกตัดความสัมพันธ์กับพรรคคอมมิวนิสต์จีน"
ด้านติ๊กต๊อกซึ่งยืนยันว่าไม่เคยและจะไม่แบ่งปันข้อมูลผู้ใช้งานชาวอเมริกันให้กับรัฐบาลจีนระบุว่า ร่างกฎหมายดังกล่าวเท่ากับเป็นการแบนติ๊กต๊อก และไม่แน่ใจว่าจีนจะอนุมัติการขายกิจการหรือไม่ หรือจะสามารถขายกิจการได้ภายใน 6 เดือนหรือไม่
"กฎหมายนี้จะมีผลลัพธ์ที่กำหนดมาแล้วล่วงหน้า นั่นคือการแบนติ๊กต็อกในสหรัฐโดยสิ้นเชิง รัฐบาลพยายามที่จะลิดรอนเสรีภาพในการแสดงออกตามรัฐธรรมนูญของชาวอเมริกัน 170 ล้านราย ซึ่งจะสร้างความเสียหายต่อธุรกิจหลายล้านราย, ขัดขวางศิลปินในการเข้าถึงผู้ชม และทำลายวิถีชีวิตของครีเอเตอร์จำนวนนับไม่ถ้วนทั่วประเทศ" ติ๊กต๊อกระบุ
ก่อนการลงมติดังกล่าว บรรดาสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้รับฟังการบรรยายสรุปแบบปิดเกี่ยวกับข้อกังวลด้านความมั่นคงของชาติในประเด็นที่จีนเป็นเจ้าของแอปพลิเคชันติ๊กต๊อก
ทั้งนี้ นายแฟรงก์ พัลโลน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเดโมแครตซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการฯ เปิดเผยว่า เขาหวังว่าร่างกฎหมายดังกล่าวจะบังคับให้มีการขายกิจการติ๊กต๊อก และชาวอเมริกันจะสามารถใช้แพลตฟอร์มนี้ และแพลตฟอร์มอื่น ๆ ในลักษณะคล้ายกันได้โดยไม่มีความเสี่ยงที่พวกเขาจะถูกดำเนินการและควบคุมโดยศัตรูของเรา"