กองทัพสหรัฐออกมายืนยันเมื่อวานนี้ (10 มี.ค.) ว่า ได้ดำเนินปฏิบัติการในเฮติเพื่อนำเจ้าหน้าที่สถานทูตที่ไม่จำเป็นออกจากประเทศ และได้เพิ่มกำลังทหารเพื่อคุ้มกันสถานทูต ขณะที่เฮติประกาศภาวะฉุกเฉินหลังเจอวิกฤตแก๊งอาชญากรขู่จะล้มล้างรัฐบาลและอาละวาดหนักจนประชาชนหลายพันคนต้องหนีออกจากบ้าน
กองบัญชาการทหารส่วนใต้ (Southern Command) ของสหรัฐ ระบุในแถลงการณ์ว่า "การอพยพเจ้าหน้าที่เข้า-ออกจากสถานทูตทางอากาศเป็นไปตามมาตรฐานการเพิ่มความปลอดภัยของสถานทูตทั่วโลก และไม่มีชาวเฮติขึ้นเครื่องบินทหารลำดังกล่าวแต่อย่างใด"
ส่วนทางคณะผู้แทนสหภาพยุโรปในเฮติโพสต์ข้อความในเอ็กซ์ (ทวิตเตอร์) โดยระบุว่า ได้สั่งปิดสำนักงานชั่วคราวและลดจำนวนคนให้เหลือน้อยที่สุด โดยให้เหตุผลว่ากังวลเรื่องความปลอดภัย
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เฮติประกาศภาวะฉุกเฉินตั้งแต่เมื่อวันอาทิตย์ที่ 3 มี.ค. หลังจากเกิดเหตุความรุนแรงหนักขึ้นในช่วงที่นายอาเรียล อองรี นายกรัฐมนตรีเฮติ เดินทางไปยังไนโรบีเพื่อเจรจาเรื่องภารกิจช่วยเหลือจากสหประชาชาติ (UN) ที่เลื่อนมานานมากแล้ว โดยเคนยาเคยประกาศเมื่อปีที่แล้วว่าจะเป็นผู้นำกองกำลังของ UN ดังกล่าว แต่ติดปัญหากฎหมายภายในประเทศมาหลายเดือน จนภารกิจถูกระงับไว้เรื่อยมา
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (9 มี.ค.) กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเปิดเผยว่า นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้หารือกับนายวิลเลียม รูโต ประธานาธิบดีเคนยา เรื่องวิกฤติการณ์ในเฮติ โดยทั้งสองย้ำถึงความมุ่งมั่นในภารกิจรักษาความปลอดภัยข้ามชาติเพื่อฟื้นฟูความสงบเรียบร้อย
กองบัญชาการทหารส่วนใต้ของสหรัฐออกแถลงการณ์ว่า "สถานทูตของเรายังคงมุ่งเดินหน้าตามนโยบายของรัฐบาลสหรัฐในการช่วยเหลือประชาชนชาวเฮติ ซึ่งรวมไปถึงการสนับสนุนกองกำลังตำรวจแห่งชาติเฮติ การเร่งปฏิบัติภารกิจสนับสนุนความมั่นคงข้ามชาติ (MSS) ที่ UN อนุมัติ และการเปลี่ยนผ่านอำนาจอย่างสันติผ่านการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม"
อนึ่ง จาเมกาจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำประชาคมแคริบเบียน (CARICOM) ในวันนี้ (11 มี.ค.) เพื่อหารือแนวทางช่วยเหลือเฮติและส่งเสริมการเจรจาทางการเมือง