คณะหาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ของปธน.โจ ไบเดน เปิดเผยว่า ทางทีมงานสามารถระดมเงินทุนได้ 10 ล้านดอลลาร์ภายใน 24 ชั่วโมงหลังการแถลงนโยบายประจำปี (State of the Union) ซึ่งปธน.ไบเดนได้กล่าวหาว่า อดีตปธน.โดนัลด์ ทรัมป์ กำลังคุกคามระบอบประชาธิปไตยและล้มล้างร่างกฎหมายเพื่อจัดการกับปัญหาการอพยพย้ายถิ่นฐานในสหรัฐ
นอกจากนี้ ในการแถลงนโยบายต่อสภาคองเกรสระยะเวลา 68 นาทีเมื่อวันพฤหัสบดี (7 มี.ค.) ปธน.ไบเดนยังจวกนายทรัมป์ ซึ่งเป็นคู่แข่งจากพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งวันที่ 5 พ.ย. เกี่ยวกับเหตุจลาจลที่อาคารรัฐสภาสหรัฐเมื่อวันที่ 6 ม.ค. 2564 และการก้มหัวให้กับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย
นีลเส็น (Nielsen) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยข้อมูลระดับโลก ระบุว่า ข้อมูลจากเครือข่ายโทรทัศน์ 14 แห่งชี้ว่า มีผู้คนประมาณ 32.2 ล้านคนที่รับชมการแถลงนโยบายในครั้งนี้ ซึ่งเพิ่มขึ้น 18% จากเมื่อปีที่แล้ว โดยจำนวนดังกล่าวยังไม่รวมผู้ชมจากการสตรีมมิง โซเชียลมีเดีย และแพลตฟอร์มอื่น ๆ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (9 มี.ค.) คณะหาเสียงของปธน.ไบเดนได้ประกาศทุ่มเงินจากการระดมทุนจำนวน 30 ล้านดอลลาร์ไปกับการโฆษณา ซึ่งมุ่งเป้าที่รัฐสำคัญที่มีการแข่งขันชิงคะแนนเสียงอย่างดุเดือดตลอด 6 สัปดาห์ข้างหน้า
ปธน.ไบเดนและนายทรัมป์ยังคงขับเคี่ยวกันอย่างสูสี โดยโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์/อิปซอสส์ ในเดือนก.พ. เผยให้เห็นว่า นายทรัมป์ได้รับเสียงสนับสนุน 37% จากผู้ตอบแบบสำรวจ ขณะที่ปธน.ไบเดนได้ไป 34%