ยูเครนยิงโดรนโจมตีโรงกลั่นน้ำมันของรัสเซียเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (13 มี.ค.) ส่งผลให้เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่โรงกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของรอสเนฟต์ (Rosneft) และเป็นหนึ่งในการโจมตีที่รุนแรงที่สุดต่อภาคพลังงานของรัสเซียในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัสเซียและยูเครนต่างใช้โดรนโจมตีโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ฐานทัพทหาร และกองทหารจำนวนมากในสงครามที่กินเวลายาวนานกว่า 2 ปี โดยยูเครนได้ยกระดับการโจมตีด้วยโดรนต่อโรงกลั่นน้ำมันและคลังน้ำมันของรัสเซียในช่วงที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่รัสเซียระบุว่า การโจมตีด้วยโดรนต่อโรงกลั่นน้ำมันของรอสเนฟต์ในเมืองเรียซัน ซึ่งมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 7 ของรัสเซีย มีขึ้นเพียง 1 วันหลังยูเครนโจมตีโรงกลั่นนอร์ซีของบริษัทลุคออยล์ (Lukoil) ในเมืองนิจนี นอฟโกรอด
นายพาเวล มัลคอฟ ผู้ว่าการเมืองเรียซัน ระบุว่า มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุเพลิงไหม้ครั้งนี้ และยืนยันในภายหลังว่าสามารถดับไฟได้สำเร็จ
แหล่งข่าว 2 รายที่ใกล้ชิดกับสถาณการณ์ดังกล่าวเปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า โรงกลั่นต้องสั่งปิดหน่วยกลั่นน้ำมันหลัก 2 แห่ง
ส่วนในเมืองรอสตอฟ นายวาซิลี โกลูเบฟ ผู้ว่าการเมืองรอสตอฟ เปิดเผยว่า ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต แต่โรงกลั่นน้ำมันในเมืองโนโวชาคทินสค์ต้องยุติการผลิตชั่วคราว
ขณะเดียวกัน แหล่งข่าวจากยูเครนกล่าวว่า การโจมตีด้วยโดรนนั้นดำเนินการโดยหน่วยบริการรักษาความปลอดภัยของยูเครน (SBU) โดยระบุว่า "เรากำลังใช้กลยุทธ์ที่พิถีผิถันและคำนวณอย่างเป็นระบบ เพื่อมุ่งลดศักยภาพทางเศรษฐกิจของรัสเซีย"