รัฐบาลมาเลเซียเตรียมแต่งตั้งสมเด็จพระราชาธิบดีอิบราฮิม อิสกันดาร์ เป็นผู้บัญชาการตำรวจสูงสุดกิตติมศักดิ์ ซึ่งเป็นตำแหน่งใหม่ที่อาจทำให้สุลต่านอิบราฮิมทรงมีอำนาจมากขึ้นในมาเลเซีย
กระทรวงมหาดไทยของมาเลเซียกำลังขอความเห็นชอบจากรัฐสภา ให้จัดตั้งตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจสูงสุดกิตติมศักดิ์ให้สุลต่านอิบราฮิม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการเสนอแก้ไขเพิ่มเติมในร่างพระราชบัญญัติตำรวจ (ฉบับแก้ไข) ปี 2567
สมาชิกนิติบัญญัติเตรียมอภิปรายและลงมติร่างกฎหมายดังกล่าว ก่อนที่การประชุมรัฐสภาชุดปัจจุบันจะสิ้นสุดในวันที่ 27 มี.ค.
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การตัดสินใจครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งสัญญาณที่สะท้อนให้เห็นอิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของระบอบกษัตริย์มาเลเซีย แม้เดิมจะทำหน้าที่ในพิธีการเป็นหลัก แต่ปัจจุบันกษัตริย์ก็มีบทบาทสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ ในการกำหนดว่าใครจะเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อประเทศ โดยนายกรัฐมนตรี 3 คนสุดท้ายดำรงตำแหน่งโดยเฉลี่ยไม่ถึง 2 ปี
ทั้งนี้ สุลต่านอิบราฮิมจากรัฐยะโฮร์ทางตอนใต้ของมาเลเซียทรงเข้าพิธีราชาภิเษกเป็นกษัตริย์พระองค์ใหม่ของประเทศเมื่อวันที่ 31 ม.ค. และทรงสืบทอดตำแหน่งกษัตริย์ต่อจากสมเด็จพระราชาธิบดีอัล-สุลต่าน อับดุลลาห์ สุลต่าน อาหมัด ชาห์ ซึ่งทรงกลับไปทำหน้าที่ผู้นำรัฐปะหัง หลังครองราชย์ครบ 5 ปี
แม้ว่าส่วนใหญ่กษัตริย์จะถูกมองว่าอยู่เหนือการเมือง แต่สุลต่านอิบราฮิมเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงเรื่องความตรงไปตรงมาและการแสดงออกอย่างเปิดเผย โดยพระองค์มักแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาด้านการเมืองของประเทศ
ก่อนเสด็จขึ้นครองราชย์ กษัตริย์อิบราฮิมได้เปิดเผยความตั้งใจจะผลักดันแผนฟื้นฟูโครงการรถไฟความเร็วสูงระหว่างกัวลาลัมเปอร์และสิงคโปร์ ปราบปรามการทุจริต และทำหน้าตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล ซึ่งแตกต่างจากกษัตริย์ในอดีตส่วนใหญ่ที่งดเว้นจากการเกี่ยวข้องกับการเมืองและสื่อ
มาเลเซียมีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภา โดยมีสมเด็จพระราชาธิบดีเป็นประมุข และในระบบการปกครองที่มีเอกลักษณ์เฉพาะนี้ กษัตริย์จะได้รับเลือกจากสมาชิกราชวงศ์ใน 9 รัฐให้หมุนเวียนกันปกครองประเทศรัชสมัยละไม่เกิน 5 ปี