หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียล ไทมส์ รายงานในวันนี้ (22 มี.ค.) โดยอ้างแหล่งข่าววงในว่า สหรัฐเรียกร้องให้ยูเครนหยุดโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของรัสเซีย โดยเตือนว่าการโจมตีด้วยโดรนอาจเสี่ยงทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกสูงขึ้นและเป็นการยั่วยุให้รัสเซียตอบโต้
แหล่งข่าวระบุว่า รัฐบาลสหรัฐส่งคำเตือนอยู่หลายครั้งไปถึงเจ้าหน้าที่ระดับสูงของหน่วยงานความมั่นคงแห่งรัฐยูเครน (SBU) และหน่วยข่าวกรองทางทหาร (GUR)
ทั้งสองหน่วยข่าวกรองได้ขยายโครงการโดรนของตนเองอย่างต่อเนื่องเพื่อโจมตีรัสเซียทั้งทางบก ทางทะเล และทางอากาศ นับตั้งแต่ที่รัสเซียเริ่มเปิดฉากบุกยูเครนเต็มรูปแบบในเดือนก.พ. 2565
แหล่งข่าวคนหนึ่งกล่าวว่า ทำเนียบขาวเริ่มหงุดหงิดมากขึ้นเรื่อย ๆ กับการที่ยูเครนใช้โดรนโจมตีโรงกลั่นน้ำมัน คลังน้ำมัน และสถานที่เก็บน้ำมันทั่วรัสเซียตะวันตก ซึ่งส่งผลกระทบต่อกำลังการผลิตน้ำมันของรัสเซีย
ทั้งนี้ รัสเซียยังคงเป็นหนึ่งในผู้ส่งออกพลังงานรายสำคัญที่สุดของโลก แม้จะถูกตะวันตกคว่ำบาตรภาคธุรกิจน้ำมันและก๊าซก็ตาม โดยราคาน้ำมันได้ปรับตัวสูงขึ้นประมาณ 15% ในปีนี้ แตะระดับ 85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ผลักดันให้ต้นทุนเชื้อเพลิงสูงขึ้นในช่วงที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ เริ่มหาเสียงเพื่อการเลือกตั้งสมัยหน้า
นอกจากนี้ รัฐบาลสหรัฐยังกังวลว่า หากยูเครนยังคงโจมตีสถานที่ต่าง ๆ ด้านพลังงานของรัสเซียต่อไป รวมถึงอีกหลายแห่งที่อยู่ห่างจากชายแดนออกไปหลายร้อยไมล์ รัสเซียอาจตอบโต้ด้วยการโจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานที่ชาติตะวันตกพึ่งพา
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ชาวยูเครนรายหนึ่งเปิดเผยกับทางนสพ.ว่า จุดมุ่งหมายของ "ปฏิบัติการพิเศษ" ครั้งนี้ของยูเครนก็คือเพื่อขัดขวางการจัดหาเชื้อเพลิงให้กับกองทัพรัสเซีย และตัดแหล่งเงินทุนสำหรับการทำสงครามของรัสเซีย