ทางการยูเครนเปิดเผยว่า รัสเซียถล่มขีปนาวุธใส่โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญในแคว้นลวีฟทางตะวันตกของยูเครนในช่วงเช้าวานนี้ (24 มี.ค.) ในการโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ ขณะที่ทางการโปแลนด์ระบุว่า มีขีปนาวุธลูกหนึ่งของรัสเซียที่ลอยผ่านน่านฟ้าของโปแลนด์
ยูเครนระบุว่า รัสเซียถล่มขีปนาวุธและโดรนจู่โจมรวม 57 ครั้ง ในการโจมตีซึ่งส่วนหนึ่งมีเป้าหมายมายังกรุงเคียฟด้วย หลังจากที่เพิ่งปูพรมโจมตีทางอากาศครั้งใหญ่ที่สุดในรอบกว่า 2 ปีใส่ระบบพลังงานของยูเครนไปเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา
นายมักซิม โคซิตสกี ผู้ว่าการแคว้นลวีฟของยูเครน ระบุในเทเลแกรมว่า "ในเบื้องต้น มีการโจมตีเกิดขึ้น 2 ครั้งต่อโครงสร้างพื้นฐานสำคัญแห่งเดียวกันนี้ ซึ่งตกเป็นเป้าโจมตีจากผู้รุกรานในเวลากลางคืน" และเสริมว่า การโจมตีดังกล่าวเกิดจากขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงคินซาล (Kinzhal) ซึ่งยากต่อการยิงสกัด แต่ไม่ได้มีการเปิดเผยว่าสิ่งปลูกสร้างใดที่ถูกโจมตี
กระทรวงพลังงานยูเครนระบุว่า อุปกรณ์ต่าง ๆ เกิดไฟไหม้หลังโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญด้านพลังงานถูกโจมตีในแคว้นลวีฟ ซึ่งส่งผลให้ไฟฟ้าดับ อย่างไรก็ตาม ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าทางกระทรวงกล่าวถึงสิ่งปลูกสร้างเดียวกันหรือไม่
ด้านกองทัพอากาศยูเครนระบุว่า ระบบป้องกันการโจมตีทางอากาศสามารถสกัดขีปนาวุธไว้ได้ 18 นัดจาก 29 นัด และการโจมตีจากโดรน 25 ลำจาก 28 ลำ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ยูเครนแทบไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับสิ่งปลูกสร้างที่ได้รับความเสียหาย แต่การโจมตีซึ่งมุ่งเป้าไปที่โครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญอาจบ่งชี้ว่า รัสเซียกำลังพยายามเพิ่มแรงกดดันต่อระบบพลังงาน หลังจากที่เคยโจมตีจนทำให้เกิดไฟดับเป็นวงกว้างไปแล้วเมื่อวันศุกร์ (22 มี.ค.)
กระทรวงพลังงานกล่าวว่า ยูเครน ซึ่งส่งออกพลังงานในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เพิ่มปริมาณการนำเข้าไฟฟ้าอย่างรวดเร็ว และได้ระงับการส่งออกเมื่อวานนี้ หลังเกิดการโจมตีระบบพลังงานขึ้น