แถลงการณ์จากรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า บุคคลและบริษัทที่เสนองานให้กับบุคคลลักษณะดังกล่าวอาจฝ่าฝืนกฎหมายภายในประเทศ ซึ่งรวมถึงกฎหมายการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและการค้าต่างประเทศ เนื่องจากมาตรการคว่ำบาตรของสหประชาชาติ (UN) กำหนดให้รัฐสมาชิกเฝ้าระวังไม่ให้เกาหลีเหนือเข้าถึงทรัพยากรทางการเงินเพื่อการพัฒนาอาวุธทำลายล้างสูง
คำแถลงดังกล่าวเป็นการเผยแพร่ร่วมกันโดยหน่วยงานรัฐบาลหลายแห่ง ได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กระทรวงการต่างประเทศ, กระทรวงการคลัง รวมถึงกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรม ซึ่งสอดคล้องกันกับคำเตือนที่ออกโดยสหรัฐและเกาหลีใต้เมื่อเดือนต.ค. 2566
เจ้าหน้าที่อาวุโสจากหน่วยงานของรัฐบาลญี่ปุ่นระบุว่า "กรณีของคนงานเกาหลีเหนือที่ปลอมตัวเป็นชาวญี่ปุ่นนั้นได้รับการยืนยันแล้วในญี่ปุ่น และภัยคุกคามกำลังเพิ่มสูงขึ้น"
คำแถลงระบุว่า พนักงานเทคโนโลยีของเกาหลีเหนือปกปิดตัวตนของตนด้วยการปลอมตัวหรือใช้ญาติที่อาศัยอยู่ในญี่ปุ่นอยู่แล้ว เพื่อลงทะเบียนบนเว็บไซต์ที่ช่วยให้แรงงานไอทีอิสระสามารถติดต่อสมัครงานกับบริษัทเทคโนโลยีต่าง ๆ ได้
นอกจากนี้ คำแถลงยังระบุถึงวิธีสังเกตแรงงานดังกล่าวว่า คนงานชาวเกาหลีเหนือจำนวนมากทำงานตามสัญญาและได้รับค่าจ้างขณะอยู่ในจีนหรือรัสเซีย โดยแรงงานเหล่านี้จะหลีกเลี่ยงการเข้าร่วมการประชุมทางวิดีโอ, มักจะเปลี่ยนบัญชีธนาคารบ่อยครั้งเพื่อรับค่าจ้าง และทักษะภาษาญี่ปุ่นก็จะไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ