ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เปิดเผยเมื่อวานนี้ (27 มี.ค.) ว่า รัสเซียไม่มีแผนโจมตีประเทศสมาชิกของนาโต (NATO) และจะไม่โจมตีโปแลนด์ ประเทศต่าง ๆ ในรัฐบอลติก หรือสาธารณรัฐเช็ก แต่ถ้าชาติตะวันตกสนับสนุนเครื่องบินขับไล่ F-16 ให้กับยูเครน กองทัพรัสเซียจะสอยเครื่องบินให้ร่วง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การที่รัสเซียรุกรานยูเครนเมื่อเดือนก.พ. 2565 ได้จุดชนวนวิกฤตที่ร้ายแรงที่สุดในความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตก นับตั้งแต่วิกฤตการณ์ขีปนาวุธคิวบาในปี 2505
ปธน.ปูตินกล่าวกับเหล่านักบินของกองทัพอากาศรัสเซียว่า กองกำลังนาโตซึ่งนำโดยสหรัฐได้แผ่ขยายมาทางตะวันออกโดยมุ่งหน้าเข้าสู่รัสเซียนับตั้งแต่การล่มสลายของสหภาพโซเวียตในปี 2534 อย่างไรก็ตาม รัสเซียไม่มีแผนจะโจมตีประเทศสมาชิกนาโต
ปธน.ปูตินระบุในรายงานของทำเนียบเครมลินที่เผยแพร่ออกมาวันนี้ (28 มี.ค.) ว่า "เราไม่มีเจตนารุกรานประเทศเหล่านี้ ... ความคิดที่ว่าเราจะโจมตีประเทศอื่น ๆ ซึ่งโปแลนด์ ประเทศต่าง ๆ ในรัฐบอลติก และเช็กกำลังหวาดกลัวนั้นเป็นเรื่องไร้สาระอย่างยิ่ง มันก็แค่เรื่องเหลวไหลเท่านั้น"
ทำเนียบเครมลิน ซึ่งกล่าวหาสหรัฐว่าได้เข้าต่อสู้กับรัสเซียจากการให้การสนับสนุนด้านการเงิน อาวุธยุทโธปกรณ์ และข่าวกรองแก่ยูเครน เปิดเผยว่า ความสัมพันธ์กับทางการสหรัฐอาจมาถึงจุดต่ำสุดแล้ว
ทั้งนี้ ปธน.ปูตินกล่าวถึงคำมั่นของบรรดาชาติตะวันตกที่จะส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 เข้าสนับสนุนยูเครนว่า เครื่องบินเหล่านั้นจะไม่เปลี่ยนแปลงสถานการณ์ที่ยูเครนเป็นอยู่ตอนนี้ โดยยืนยันว่า "ไม่ว่าพวกเขาจะส่งมอบเครื่องบิน F-16 และหารือกันในประเด็นดังกล่าว หรือฝึกอบรมนักบินอย่างโจ่งแจ้ง มันก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในสนามรบได้"
นอกจากนี้ ปธน.ปูตินยังกล่าวอีกว่า เครื่องบิน F-16 อาจบรรทุกอาวุธนิวเคลียร์มาด้วย โดยระบุว่า "แน่นอนว่า หากเครื่องบินมาจากน่านฟ้าของประเทศที่สาม เครื่องบินเหล่านี้จะตกเป็นเป้าหมายโดยชอบธรรมตามกฎหมายสำหรับเรา ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม"