กองทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF), องค์การด้านการศึกษา (Education Cluster) และองค์การช่วยเหลือเด็กระหว่างประเทศ (Save the Children) เปิดเผยรายงานบทวิเคราะห์เมื่อวันพุธ (27 มี.ค.) ว่า อิสราเอลได้ทิ้งระเบิดใส่ฉนวนกาซาอย่างหนัก ซึ่งสร้างความเสียหายต่อโรงเรียน 212 แห่งในฉนวนกาซาโดยตรง
รายงานระบุว่า โรงเรียนอย่างน้อย 53 แห่งถูกทำลายอย่างสิ้นเชิงนับตั้งแต่ที่สงครามอิสราเอล-กลุ่มฮามาสชาวปาเลสไตน์เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2566 และมีการโจมตีสิ่งอำนวยความสะดวกของโรงเรียนเพิ่มขึ้นเกือบ 9% นับตั้งแต่กลางเดือนก.พ. 2567
สำนักข่าวซินหัวรายงานโดยอ้างอิงข้อมูลรายงานฉบับดังกล่าวว่า แนวโน้มการโจมตีที่รุนแรงต่อสิ่งอำนวยความสะดวกของโรงเรียนทำให้สถานการณ์ด้านมนุษยธรรมในฉนวนกาซาเลวร้ายลงกว่าเดิม ท่ามกลางการทิ้งระเบิดอย่างรุนแรงของอิสราเอลทั้งทางอากาศ, ทางบก และทางทะเล ทั่วพื้นที่ส่วนใหญ่ของฉนวนกาซา
อาคารเรียนในฉนวนกาซามีทั้งหมด 563 แห่ง โดยอาคาร 165 แห่ง จาก 212 แห่งที่ได้รับผลกระทบโดยตรงนั้นอยู่ในพื้นที่ที่กองทัพอิสราเอลกำหนดให้เป็นพื้นที่อพยพ ซึ่งในข้อมูลระบุว่า มีโรงเรียน 62 แห่งตกเป็นเป้าหมายโดยตรงในเขตปกครองข่าน ยูนิส, 14 แห่งในเขตปกครองพื้นที่ตอนกลาง, 94 แห่งในเขตปกครองกาซา และ 42 แห่งในเขตปกครองกาซาเหนือ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบรุนแรงที่สุดจนถึงปัจจุบัน โดย 86.2% ของจำนวนอาคารเรียนได้รับความเสียหาย หรือถูกโจมตีโดยตรง
นอกจากนี้ อาคารเรียนมากกว่า 1 ใน 2 แห่งที่ได้รับการดูแลโดยสำนักงานบรรเทาทุกข์และจัดหางานของสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้ (UNRWA) ก็ถูกโจมตีตั้งแต่เดือนต.ค. 2566 เช่นเดียวกับอาคารรัฐบาลที่ตกเป็นเป้าหมายของการโจมตีด้วยกระสุนปืนของอิสราเอลหรือระหว่างปฏิบัติการภาคพื้นดิน
ทาง UNRWA เผยข้อมูลเมื่อวานนี้ว่า ฉนวนกาซาต้องระงับการเรียนการสอนไปโดยสิ้นเชิงนานเกือบ 6 เดือนแล้ว โดยระบุว่ามีนักเรียนมากกว่า 625,00 คนและครู 22,000 คนในโรงเรียนก่อนวันที่ 7 ต.ค.