กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (29 มี.ค.) ว่า สหรัฐจะบังคับใช้ข้อจำกัดด้านวีซ่าครั้งใหม่กับเจ้าหน้าที่ฮ่องกงหลายราย เนื่องจากมีการยกระดับการปราบปรามด้านสิทธิและเสรีภาพในฮ่องกง ในขณะที่จีนปกครองฮ่องกงอย่างเข้มงวดมากขึ้น
นายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐกล่าวว่า ทางการจีนและฮ่องกงได้เพิ่มการปราบปรามภาคประชาสังคม, สื่อ และเสียงที่เห็นต่างในปีที่ผ่านมา โดยนายบลิงเกนไม่ได้เปิดเผยชื่อเจ้าหน้าที่ที่ตกเป็นเป้าหมายในการใช้ข้อจำกัดด้านวีซ่า
ทั้งนี้ การประกาศดังกล่าวมีขึ้นหลังจากกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ของฮ่องกงมีผลบังคับใช้เมื่อประมาณหนึ่งสัปดาห์ที่แล้ว โดยมีบทลงโทษสูงถึงจำคุกตลอดชีวิตสำหรับความผิดฐานก่อกบฏและการจลาจล
นายบลิงเกนเตือนว่า กฎหมายดังกล่าว ซึ่งรวมถึงบทบัญญัติที่มีถ้อยคำกว้าง ๆ และคลุมเครือเกี่ยวกับ "การปลุกปั่น" และ "ความลับของรัฐ" อาจถูกใช้เพื่อปราบปรามผู้เห็นต่างในฮ่องกง และสนับสนุนการรณรงค์ของจีนเพื่อปิดปากนักเคลื่อนไหวในต่างประเทศ
ด้านสำนักข่าวเรดิโอ ฟรี เอเชีย (Radio Free Asia) หรือ RFA ซึ่งได้รับทุนสนับสนุนจากสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันศุกร์ (29 มี.ค.) ว่า ได้ปิดสำนักงานในฮ่องกงแล้ว เนื่องจากมีความกังวลด้านความปลอดภัยสำหรับนักข่าวและเจ้าหน้าที่ของบริษัท อันเนื่องมาจากการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ในฮ่องกงหรือที่เรียกว่ามาตรา 23 (Article 23)
เบย์ ฟาง ประธานและซีอีโอของ RFA ระบุในแถลงการณ์ว่า การกระทำของทางการฮ่องกงในการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว รวมถึงการระบุว่า RFA เป็นองค์กรต่างชาตินั้น ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับความสามารถของ RFA ในการปฏิบัติงานได้อย่างปลอดภัย
สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า ภายใต้กฎหมายดังกล่าวนั้น กลุ่มชาวต่างชาติถูกห้ามดำเนินกิจกรรมทางการเมืองในฮ่องกง และห้ามไม่ให้องค์กรท้องถิ่นติดต่อสัมพันธ์กับกลุ่มชาวต่างชาติด้วย