สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานในวันนี้ (11 เม.ย.) โดยอ้างแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับหน่วยข่าวกรองว่า สหรัฐและชาติพันธมิตรเชื่อว่า อิหร่านหรือกลุ่มที่อิหร่านหนุนหลังกำลังจะโจมตีเป้าหมายทางทหารและรัฐบาลอิสราเอลด้วยขีปนาวุธหรือโดรนขนาดใหญ่ในเร็ว ๆ นี้
แหล่งข่าวผู้ไม่ประสงค์ออกนามกล่าวว่า อิหร่านหรือกลุ่มที่อิหร่านหนุนหลังอาจโจมตีอิสราเอลด้วยขีปนาวุธความแม่นยำสูงในอีกไม่กี่วันข้างหน้า และหน่วยข่าวกรองของสหรัฐและอิสราเอลประเมินว่าการโจมตีนี้จะเกิดขึ้นแน่นอน แต่ยังไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร
แหล่งข่าวเปิดเผยว่า พันธมิตรชาติตะวันตกของอิสราเอลได้รับแจ้งว่า อิหร่านอาจโจมตีสถานที่ราชการและทางการทหารของอิสราเอล แต่คาดว่าจะไม่โจมตีพื้นที่พลเรือน ด้านเจ้าหน้าที่ของสหรัฐกำลังช่วยเหลืออิสราเอลในการวางแผนและแชร์ข้อมูลข่าวกรองที่ประเมินสถานการณ์ไว้ ขณะที่อิสราเอลได้บอกกับชาติพันธมิตรว่า กำลังรอให้การโจมตีนี้เกิดขึ้นก่อน แล้วจึงจะเริ่มปฏิบัติการภาคพื้นดินบุกโจมตีกลุ่มฮามาสในเมืองราฟาห์ ในฉนวนกาซา แต่ยังไม่แน่ชัดว่าปฏิบัติการนี้จะเริ่มต้นเมื่อไร
ทั้งนี้ การโจมตีอิสราเอลจากฝั่งอิหร่านมักจะเป็นการโจมตีจากทางตอนเหนือของอิสราเอล เนื่องจากกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ซึ่งเป็นพันธมิตรหลักที่อิหร่านหนุนหลังนั้น อยู่ในประเทศเลบานอนทางตอนเหนือของอิสราเอล อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวกล่าวว่า หน่วยข่าวกรองของสหรัฐและพันธมิตรชาติตะวันตกระบุว่า การโจมตีจากฝั่งอิหร่านครั้งนี้อาจจะไม่ได้มาจากทางเหนือของอิสราเอลเสมอไป
คณะทูตต่างชาติในอิสราเอลกำลังเตรียมพร้อมรับมือกับการโจมตีที่อาจเกิดขึ้น โดยวางแผนอพยพฉุกเฉินและขอรับอุปกรณ์สำคัญจากทางการอิสราเอล เช่น เครื่องปั่นไฟและโทรศัพท์ดาวเทียม ขณะที่แหล่งข่าวรายหนึ่งระบุว่า ยังไม่ทราบว่ามีคณะทูตจากชาติตะวันตกรายใดที่วางแผนอพยพออกจากอิสราเอลในทันที
แม้สหรัฐจะพยายามผลักดันให้อิสราเอลหยุดยิงในกาซา แต่รัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ก็ได้ส่งสัญญาณว่าพร้อมที่จะหนุนหลังอิสราเอล หากอิหร่านหรือกลุ่มที่อิหร่านหนุนหลังโจมตีอิสราเอล
ปธน.ไบเดนกล่าวเมื่อวันพุธ (10 เม.ย.) ว่า "เราต้องการจัดการกับภัยคุกคามจากอิหร่านที่ขู่ว่าจะโจมตีอิสราเอลอย่างหนัก ผมได้บอกกับนายกรัฐมนตรีเนทันยาฮูว่า ความมุ่งมั่นของเราที่มีต่อความมั่นคงของอิสราเอลต่อภัยคุกคามจากอิหร่านและพันธมิตรนั้นเหนียวแน่น ผมขอย้ำอีกครั้ง เหนียวแน่น เราจะทำทุกวิถีทางเพื่อปกป้องความมั่นคงของอิสราเอล"
แหล่งข่าวกล่าวว่า ยังไม่แน่ชัดว่าการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นจะทำให้ความขัดแย้งขยายวงกว้างกลายเป็นสงครามที่ยืดเยื้อมากขึ้นหรือไม่ หรือจะยังคงจำกัดอยู่ในระดับเดิม หากอิหร่านโจมตีเมืองในอิสราเอลโดยตรงเป็นครั้งแรก ก็จะเป็นการเพิ่มระดับความเป็นศัตรูระหว่างสองฝ่ายขึ้นไปอีกขั้น