เจ้าหน้าที่ยูเครนเปิดเผยว่า รัสเซียได้ใช้ฝูงโดรนและขีปนาวุธรวมกัน 82 ลำ/ลูก โจมตีโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของยูเครนในช่วงเช้าวันนี้ (11 เม.ย.) ส่งผลให้โรงไฟฟ้าและสถานีย่อยใน 5 แคว้นได้รับความเสียหาย และทำให้ต้องตัดไฟฉุกเฉิน ซึ่งกระทบต่อประชาชนอย่างน้อย 2 แสนคน
อูเครเนร์โก (Ukrenergo) บริษัทพลังงานแห่งชาติของยูเครน ผู้ดูแลโครงข่ายไฟฟ้าของประเทศ แถลงว่า สถานีผลิตไฟฟ้าและสถานีย่อยของบริษัทได้รับความเสียหายใน 5 แคว้น ได้แก่ ออแดซา คาร์คิฟ ซาโปริซเซีย ลวิว และเคียฟ
ขณะเดียวกัน DTEK บริษัทผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ที่สุดของยูเครน กล่าวว่า รัสเซียโจมตีโรงไฟฟ้าของบริษัท 2 แห่ง ก่อให้เกิดความเสียหายร้ายแรง
ผู้บัญชาการกองทัพอากาศยูเครนกล่าวว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศของยูเครนสามารถยิงสกัดขีปนาวุธที่เข้ามาได้ 18 ลูก และโดรน 39 ลำ
อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยของยูเครน เปิดเผยว่า มีขีปนาวุธอย่างน้อย 10 ลูกที่พุ่งเข้าใส่เมืองคาร์คิฟ ซึ่งอยู่ห่างจากชายแดนรัสเซียเพียง 30 กิโลเมตร
ด้านนายโอเล็กซีย์ คูเลบา ผู้ช่วยประธานาธิบดียูเครน กล่าวว่า แคว้นคาร์คิฟทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ถูกบังคับให้ตัดไฟจนส่งผลกระทบต่อประชาชน 2 แสนคน จากเดิมที่ถูกถล่มด้วยขีปนาวุธและปืนใหญ่จนไฟดับเป็นระยะเวลานานอยู่แล้ว
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน เรียกร้องให้ชาติตะวันตกส่งมอบอุปกรณ์ป้องกันภัยทางอากาศเพิ่มเติม โดยระบุว่า "เราต้องการระบบป้องกันภัยทางอากาศและการสนับสนุนด้านการป้องกันอื่น ๆ ไม่ใช่การหลับหูหลับตาหารือกันยืดยาว"
ทั้งนี้ อุปกรณ์ป้องกันภัยทางอากาศและปืนใหญ่ของยูเครนกำลังจะหมดลง เนื่องจากความช่วยเหลือจากชาติตะวันตกชะลอตัวลง ขณะที่เงินทุนสนับสนุนก้อนใหญ่จากสหรัฐถูกขัดขวางโดยพรรครีพับลิกันในสภาคองเกรส