เหล่าผู้นำสหภาพยุโรป (EU) ได้มีมติในวันพุธ (17 เม.ย.) เพื่อยกระดับมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน เพื่อตอบโต้ต่อการที่อิหร่านใช้ขีปนาวุธและโดรนโจมตีอิสราเอลก่อนหน้านี้
การประชุมสุดยอด ณ กรุงบรัสเซลส์ นับเป็นการประชุมครั้งแรกของเหล่าผู้นำทั้ง 27 ชาติของ EU นับตั้งแต่ที่เกิดการโจมตีขึ้นเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (13 เม.ย.) หลังสงครามระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มติดอาวุธฮามาสของปาเลสไตน์ที่ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่านได้ยืดเยื้อมานานกว่า 6 เดือน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า อิสราเอลได้ส่งสัญญาณจะตอบโต้การโจมตีที่เกิดขึ้นแต่ยังไม่ได้ระบุว่าแน่ชัดว่าจะตอบโต้อย่างไร ขณะที่ผู้นำ EU ต่างประณามการโจมตีดังกล่าวของอิหร่าน พร้อมยืนยันความมุ่งมั่นที่มีต่อความมั่นคงของอิสราเอลและเรียกร้องให้ทุกฝ่ายยับยั้งไม่ให้สถานการณ์บานปลาย ซึ่งรวมถึงในเลบานอนด้วย
นายชาร์ล มีแชล ประธานการประชุมสุดยอดครั้งนี้ กล่าวว่า "เรารับรู้ได้ถึงความสำคัญอย่างยิ่งในการทำทุกวิถีทางเพื่อกีดกันอิหร่าน" และเสริมว่า การคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่ออิหร่านจะมุ่งเป้าไปที่บริษัทต่าง ๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกับการผลิตโดรนและขีปนาวุธ
ด้านนายโอลาฟ โชลซ์ นายกรัฐมนตรีเยอรมนี กล่าวว่า อิสราเอลจะต้อง "ไม่โจมตีตอบโต้ด้วยตนเอง" ขณะที่อิตาลีให้การสนับสนุนการคว่ำบาตรซัพพลายเออร์อาวุธที่มีความเชื่อมโยงกับการโจมตีอิสราเอล ตลอดจนพวกที่อยู่เบื้องหลังการโจมตีเรือสินค้าในทะเลแดง
บรรดารัฐมนตรีของ EU จะหารือเรื่องมาตรการคว่ำบาตรต่อไปในวันจันทร์หน้า (22 เม.ย.) ขณะที่สหรัฐและบรรดาชาติพันธมิตรตะวันตกคาดหวังว่า การคว่ำบาตรอิหร่านเพิ่มเติมจะทำให้อิสราเอลไม่ออกมาตอบโต้
ทั้งนี้ EU ได้ดำเนินโครงการต่าง ๆ มากมายกับอิหร่าน โดยอ้างว่าอิหร่านละเมิดสิทธิมนุษยชน แจกจ่ายอาวุธทำลายล้าง และสนับสนุนรัสเซียในการทำสงครามกับยูเครน